เป็นเวลาเกือบ 100 ปีที่ชื่อของ Hitachi ได้เข้ามาอยู่ในใจและเป็นที่รู้จักกันมาอย่างยาวนานในฐานะผู้จำหน่ายสินค้าและบริการทางด้านอุตสาหกรรม จนวันนี้ฮิตาชิได้กลายเป็น หนึ่ง ในองค์กรที่ใหญ่ที่สุดของโลกซึ่งมีการดำเนินงานทั่วทั้งสี่ภูมิภาค โดยมีพนักงานทั่วโลกมากกว่า 340,000 คน โดยฮิตาชิ เอเซีย (ประเทศไทย) ก็เป็น หนึ่ง ในตัวแทนของภูมิภาคเอเชีย ซึ่งได้รับมอบหมายจากฮิตาชิ เอเซีย สิงคโปร์ ให้ดูแลตลาดอุตสาหกรรมในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน

วันนี้ อาสาพาผู้อ่านไปรู้จักกับ คุณโคอิชิ นิชิกาตะ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายอุปกรณ์และเครื่องจักรอุตสาหกรรม ของ บริษัท ฮิตาชิ เอเซีย (ประเทศไทย) ซึ่งได้ให้เกียรติมาร่วมพูดคุยถึงความเป็นมาและบทบาทของฮิตาชิ เอเชีย ประจำประเทศไทย รวมถึงทำความรู้จักกับสินค้าและบริการ แผนการดำเนินงาน และวิสัยทัศน์ที่มีต่อตลาดอุตสาหกรรมของประเทศไทยอย่างไร

Mr.Koichi Nishigata

General Manager

Industrial Component & Equipment Dept.

Hitachi Asia () Co., Ltd.

ความเป็นมาและบทบาทของ ฮิตาชิ เอเซีย (ประเทศไทย)

คุณโคอิชิ นิชิกาตะ ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายอุปกรณ์และเครื่องจักรอุตสาหกรรม ได้เปิดเผยว่า บริษัท ฮิตาชิ เอเซีย (ประเทศไทย) จำกัด ได้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1992 โดยเราเป็นบริษัทลูกของ ฮิตาชิ เอเซีย สิงคโปร์ ที่ดูแลตลาดเอเซียเกือบทั้งหมด ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของ Hitachi Limited ซึ่งดูแลสินค้าของฮิตาชิในหลาย ๆ อุตสาหกรรมด้วยกัน ซึ่งนอกจากจะมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ญี่ปุ่นแล้ว Hitachi Limited ยังมีสำนักงานอยู่ที่สหรัฐอเมริกา นิวยอร์ก ยุโรป และก็จีนอีกด้วย

ในส่วนของฮิตาชิ เอเซีย (ประเทศไทย) ที่อยู่ภายใต้การดำเนินงานของฮิตาชิเอเซียนี้ ก็จะได้รับมอบหมายให้ดูแลนโยบายทางด้านการตลาด เพื่อตอบสนองทางด้านความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศไทย พม่า ลาว และกัมพูชา โดยมีหน้าที่ทำตลาดในส่วนของผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับภาคอุตสาหกรรม ตั้งแต่ ระบบพลังงานและอุตสาหกรรม ระบบสารสนเทศ อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ไปจนถึงบริการจัดหาระหว่างประเทศ เช่น โรงงานพลังงานไฟฟ้า เครื่องจักรสำหรับดำเนินการในอุตสาหกรรม เทคโนโลยีชั้นสูง เซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์การแสดงผล

สินค้าและบริการ ครอบคลุมทุกกลุ่มอุตสาหกรรม

สินค้าที่จำหน่ายโดยฮิตาชิ เอเซีย (ประเทศไทย) มีทั้งนำเข้าจากต่างประเทศ โดยมีสินค้าหลัก ๆ อยู่ 4 ชนิดด้วยกันคือ คอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศ (Air Compressor), เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท (Inkjet Printer), รอก (Hoister) และสุดท้ายคือ ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มของระบบออ โต เมชันที่เป็นอินเวอร์เตอร์ ส่วนผลิตภัณฑ์ที่ผลิตเองในประเทศไทยก็จะมีมอเตอร์และแมกเนติกสวิตช์เบรกเกอร์ ซึ่งผลิตโดยบริษัท ฮิตาชิ อินดัสเตรียล ซึ่งมีโรงงานตั้งอยู่ที่กบินทร์บุรี โดยผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้ทั้งหมดนี้จะจำหน่ายในประเทศไทย 20 เปอร์เซ็นต์ส่วนที่เหลืออีก 80 เปอร์เซ็นต์เป็นการผลิตเพื่อการส่งออก

"กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราก็คือ กลุ่มลูกค้าที่เป็นบริษัทญี่ปุ่นซึ่งมาตั้งโรงงานในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะครอบคลุมลูกค้าทุกภาคอุตสาหกรรม อาทิเช่น ปิ โต รเคมี กลุ่มผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนและยานยนต์ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อาหารและเครื่องดื่ม ผู้ผลิตเครื่องจักร หรือแม้แต่กลุ่มผู้ผลิตทางด้านพลังงาน เป็นต้น และนอกเหนือจากการที่เราเข้าไปโฟกัสในส่วนของโรงงานที่เป็นบริษัทญี่ปุ่นแล้ว ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมเราก็จะเน้นหนักและให้ความสำคัญในเรื่องของการประหยัดพลังงาน ทั้งในเรื่องของการประหยัดพลังงานที่ตัวเครื่องจักรของเราเองและโซลูชันการประหยัดพลังงานที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตของลูกค้าด้วย" คุณนิชิกาตะกล่าว

ในเรื่องของการประกอบการ คุณนิชิกาตะเล่าว่า ที่ผ่านมาเรามีอัตราการเจริญเติบ โต อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับ 5 ปีที่ผ่านมา เราก็มีการเจริญเติบ โต มากขึ้นเป็นเท่าตัว ทั้งนี้เราก็ได้ตั้งเป้าหมายของการเจริญเติบ โต ในปี ค.ศ.2010 เอาไว้อยู่ในที่ 1.5 เท่า โดยคิดเป็นตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือนหรือกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี

สำหรับในเรื่องของกลยุทธ์ทางการตลาดนั้น ในปีนี้เราก็ได้มีการวางแผนในเรื่องของการขายในรูปแบบของแพ็กเกจที่เป็น System Provide เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของเราจะมีหลายกลุ่มด้วยกัน และผลิตภัณฑ์แต่ละกลุ่มนั้นก็สามารถใช้งานสอดคล้องร่วมกันได้เป็นอย่างดี ดังนั้นการขายในรูปแบบของ System Provide นี้ ลูกค้าจะสามารถใช้งานผลิตภัณฑ์ของฮิตาชิได้ทั้งระบบ และเป้าหมายอีกอย่าง หนึ่ง ในปีนี้ก็คือ การผลักดันผลิตภัณฑ์ของเราให้เข้าสู่กลุ่มอุตสาหกรรมประหยัดพลังงาน ทั้งในส่วนของตัวผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตของลูกค้าดังที่กล่าวมาแล้ว ซึ่งลูกค้าเราก็จะกระจายอยู่ทุกกลุ่มอุตสาหกรรมด้วยเช่นกัน

จากผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ฮิตาชิประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในประเทศไทย “ถ้ามองหรือเปรียบเทียบประเทศไทยกับประเทศอื่นอย่างเช่น อินเดียในตอนนี้ คนจะมุ่งความสนใจไปที่ประเทศอินเดียมากกว่า เนื่องจากด้วยจำนวนของประชากรของอินเดียที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ความต้องการทางด้านอุปโภคและบริโภคมีมากขึ้น อัตราการเติบ โต ทางด้านการตลาดก็จะเพิ่มสูงขึ้นสอดคล้องกันไป แต่ประเทศไทยเองก็ไม่สามารถละทิ้งไปได้

 เนื่องจากประเทศไทยมีความเสมอต้นเสมอปลายในด้านการเติบ โต ดังนั้นเราจึงสามารถคาดการณ์ถึงแนวโน้มได้ในระยะยาว เพราะประเทศไทยมีประวัติที่ดีมาตลอด เราสามารถมองออกว่าอีก 10 ปีข้างหน้า อัตราการเติบ โต ของประเทศไทยจะเป็นอย่างไร แต่ถ้าเปรียบเทียบกับอินเดียอีก 20 ปี อาจจะยังมองไม่ออก เราจึงไม่สามารถคาดการณ์ได้ในระยะยาวขนาดนั้น แต่เมืองไทยเรากล้าที่จะคาดการณ์ได้ในระยะยาว เนื่องจากความมีเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทย

และอีกความได้เปรียบของประเทศไทยก็คือ เราจะมีจุดเด่นที่เห็นได้อย่างชัดเจนนั่นก็คือ เรามีจำนวนนักลงทุนที่เป็นซัพพลายเออร์เบส ซึ่งเข้ามาตั้งโรงงานในประเทศไทยอยู่แล้ว คือถ้ามีการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย เราก็จะสามารถหาซัพพลายเออร์ได้ทั้งหมดในประเทศไทย โดยที่ไม่ต้องไปหาจากประเทศอื่นเลย และถ้ามองในมุมกลับกันซัพพลายเออร์ที่เป็นผู้ผลิตเหล่านั้นก็จะกลายมาเป็นลูกค้าของเราด้วยเช่นกัน" คุณนิชิกาตะกล่าว

ผลกระทบต่อตลาดอุตสาหกรรมหลังเปิดเขตการค้าเสรีไทยญี่ปุ่น

ในเรื่องของความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและญี่ปุ่นหรือ JTEPA นั้น มองได้สองทางก็คือ ทางด้านของผู้ผลิตในเมืองไทย นั่นคือเขาจะได้ประโยชน์โดยตรงก็คือ สินค้า เครื่องจักร หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เขานำเข้ามาจากญี่ปุ่น ก็จะได้รับการยกเว้นทางด้านภาษีนำเข้า ก็เลยทำให้เขามีศักยภาพมากขึ้น ซึ่งหมายความว่าความมั่นคงของเขาก็จะมีมากขึ้นด้วย ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ก็จะมาเป็นลูกค้าเรา เราก็มีโอกาสเข้าไปขายสินค้าของเราในกลุ่มนี้ได้มากขึ้น อีกข้อ หนึ่ง คือในเรื่องส่วนของตัวเราเองที่เป็นผู้นำเข้าสินค้าอยู่แล้วอย่างสินค้าที่กล่าวถึงไป เราก็จะได้รับสิทธิทางภาษีด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นผลโดยตรงที่ทำให้เรามีผลประโยชน์จากตรงนี้มากขึ้นด้วยการลดต้นทุนการนำเข้าลง

ผลกระทบทางเศรษฐกิจและกลยุทธ์การรับมือ

จากปัญหาทางด้านเศรษฐกิจที่กำลังคุกคามไปทั่วโลกตอนนี้ทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป หรือแม้แต่ในเอเชีย รวมถึงประเทศไทยด้วย และแน่นอนว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตที่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งเป็นลูกค้าของฮิตาชิด้วยเช่นกัน “คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น และผลกระทบอาจจะขยายวงกว้างได้ แน่นอนว่าประเทศไทยก็คงจะได้รับผลกระทบบ้างเช่นกันไม่มากก็น้อย

ซึ่งถ้าเกิดขึ้นกับประเทศไทยเราก็ต้องยอมรับและต้องเตรียมแผนรองรับจากผลกระทบที่เกิดขึ้นตรงนั้น สิ่งที่ต้องกังวลก็คือเรื่องของเครดิตของลูกค้า เราอาจจะต้องมีความระมัดระวังและควบคุมกันมากเป็นพิเศษ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในเรื่องของลูกค้าเองหรือระบบการเงินทั้งหมด ถ้ามีปัญหาในเรื่องของการเงินเกิดขึ้นเราเองก็ขยายตลาดลำบาก เพราะต้องมีความเข้มงวดมากขึ้นทั้งในเรื่องของลูกค้า แทนที่จะซื้อง่ายขึ้น เครดิตเทอร์มก็อาจจะมีการจำกัด ซึ่งอาจจะทำให้ลำบากในการขยายตัว” คุณนิชิกาตะกล่าว

วัตถุประสงค์ของการเข้าร่วมงาน METALEX 2008

ฮิตาชิ เอเซีย ร่วมงานกับทางเมทัลเล็กซ์ปีนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว เรามองว่างานเมทัลเล็กซ์ 2008 มหกรรมแสดงเครื่องจักรและเทคโนโลยีโลหะการที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 พฤศจิกายน 2551 ณ ไบเทค บางนานี้ เป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในเอเซีย และสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้ตรงกลุ่ม เพราะจากผลการเข้าร่วมงานที่ผ่านมาก็ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี ลูกค้าสนใจในตัวสินค้าของเราอย่างต่อเนื่อง

ทั้งในกลุ่มของลูกค้าที่มาออกบูธด้วยกันเองและจากกลุ่มลูกค้าที่ตั้งใจเข้ามาร่วมชมงานเพื่อมองหาสินค้าที่ต้องการจากงานนี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในส่วนของฮิตาชิ เอเซียเอง เราจะมีเป้าหมายหลักในเรื่องของการนำเสนอ Brand Awareness และการไปนำเสนอสินค้าที่เป็นรุ่นใหม่ ๆ ซึ่งไม่เคยเปิดตัวมาก่อน อย่างในปีนี้เราก็มีสินค้าที่เป็นรุ่นใหม่ ๆ หลายตัวซึ่งจะนำมาแสดงในงานนี้อย่างเช่น อินเวอร์เตอร์ รอก เครื่องปั้มลม เครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ท เป็นต้น

ทิ้งท้าย

ฮิตาชิ เอเชีย (ประเทศไทย) ก่อตั้งและดำเนินงานในประเทศไทยมากว่า 15 ปี เรามีจุดแข็งในเรื่องของตราสินค้าหรือชื่อของ Hitachi ที่มีประวัติมายาวนาน สินค้าและบริการได้รับความนิยมอย่างสูงจนมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับต้น ๆ

ของเมืองไทยและทั่วโลก นอกจากชื่อของ Hitachi ที่จะทำให้สามารถจำหน่ายสินค้าและเป็นที่รู้จักได้ง่ายขึ้นแล้ว หัวใจสำคัญของเราอีกอย่างก็คือ ศักยภาพของสินค้า ความรับผิดชอบต่อการดำเนินงาน และความรับผิดชอบต่อสังคมที่มีเสมอมา จึงทำให้วันนี้ของฮิตาชิ ยังคงมีความแข็งแกร่งและเป็นที่รู้จักกันมาอย่างยาวนาน หากผู้อ่านท่านใดสนใจสินค้าและบริการ หรือรายละเอียดเพิ่มเติมของ Hitachi ท่านสามารถเข้าไปชมได้ที่ www.hitachi.co.th  สอบถามข้อมูลและลงทะเบียนเข้าชมงานล่วงหน้าได้ที่ โทรศัพท์ 0-2686-7299 หรือ www.metalex.co.th