เนื้อหาวันที่ : 2008-11-06 08:48:37 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1459 views

นายกฯ ไฟเขียวเม็ดเงินเมกกะโปรเจ็กต์ 1.78 ล้านลบ.เข้าครม.สัปดาห์หน้า

รัฐบายสมชาย เตรียมลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็คต์1.78 ล้านล้านบาท ลุยโครงการรถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ และโครงการผันน้ำ คาดดำเนินการช่วงปี 2551-2555 ไม่สนใจสถานการณ์การเมือง เดินหน้านโยบายสำคัญ ๆ หวังยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน

รัฐบายสมชาย เตรียมลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็คต์1.78 ล้านล้านบาท ลุยโครงการรถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ และโครงการผันน้ำ คาดดำเนินการช่วงปี 2551-2555 ไม่สนใจสถานการณ์การเมือง เดินหน้านโยบายสำคัญ ๆ หวังยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน

.

 นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี

.

คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล สรุปวงเงินลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็คต์ด้านต่าง ๆ รวม 1.7 ล้านล้านบาทที่จะดำเนินการในช่วงปี 2551-2555 เพื่อเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า เพื่อสร้างความชัดเจนของแผนการลงทุนโครงการสำคัญ โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ และโครงการผันน้ำ ซึ่งจะเป็นการกระจายการลงทุนเป็นช่วงเวลาและระดมทุนไปพร้อมกัน

.

แหล่งข่าวจากที่ประชุม เปิดเผยว่า แผนงานและโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ประกอบด้วย 3 ส่วน ส่วนแรก เป็นโครงการของภาคราชการ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ ด้านการขนส่ง, ด้านการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการชลประทาน, ด้านการพัฒนาสาธารณสุข และ ด้านการพัฒนาระบบการศึกษาและการเรียนรู้ เช่น แผนงาน/โครงการยกระดับคุณภาพการศึกษาด้วยนวัตกรรมและสื่อทันสมัย เป็นต้น

.

ส่วนที่สอง โครงการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ได้แก่ ด้านการขนส่ง เช่น โครงการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน, โครงการระบบรถไฟชานเมือง, โครงการของ บมจ.การบินไทย (THAI), โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 เป็นต้น, ด้านพลังงาน เช่น  โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้า, โครงการพัฒนาของ บมจ.ปตท.(PTT), โครงการด้านพลังงานทดแทน เป็นต้น, ด้านสื่อสารโทรคมนาคม  เช่น โครงการสร้างโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 เป็นต้น, ด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยและอสังหาริมทรัพย์ เช่น โครงการบ้านเอื้ออาทร และโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุเพื่อสนับสนุนการลงทุนขนาดย่อมของบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด เป็นต้น  

.

ส่วนที่สาม โครงการลงทุนของภาคเอกชน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ เช่น โครงการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, ปูนซิเมนต์และก่อสร้าง, ปิโตรเคมี, เหล็กและเหล็กกล้า, อาหาร และโรงพยาบาลเอกชน เป็นต้น

.

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ได้เร่งรัดให้กระทรวงคมนาคมดำเนินโครงการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล 3 เส้นทาง 4 โครงการ ให้สามารถก่อสร้างได้ภายในปีนี้

.

สำหรับรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน จะประกวดราคาแล้วเสร็จภายในเดือนพ.ย.51 และจะทำสัญญาได้ทันที ส่วนรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางซื่อ-บางใหญ่ คาดว่าจะเปิดซองประกวดราคาภายในเดือนพ.ย.เช่นกัน และจะได้ผู้ก่อสร้างที่ชัดเจนในเดือน ธ.ค.นี้

.

ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน ช่วงอ่อนนุช-แบร์ริ่ง และสีเขียวแก่ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า(11 พ.ย.) เพื่อหาข้อสรุปงบประมาณที่ใช้ก่อสร้างและหารือข้อปัญหาต่างๆ โดยมีการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.)เป็นผู้ดำเนินการ

.

"สายสีน้ำเงิน สีม่วง และสีแดง ทั้ง 2 ช่วง จะต้องเริ่มต้นก่อสร้างให้ได้ในช่วงเดือน ธ.ค.ปีนี้ ส่วนสายสีเขียวอ่อนและสายสีเขียวเข้ม จะหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัปดาห์หน้า เพื่อสรุปในเรื่องของงบประมาณ โดยจะมีการใช้เงินกู้ในประเทศจำนวนกว่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งมอบให้ รฟม.เป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ"นายสันติ กล่าว

.

ด้านนายวิชาญ มีนชัยนันท์ รมช.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบงบประมาณเมกะโปรเจ็คต์ของกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นการลงทุนในการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ โรงพยาบาล พัฒนาระบบการให้บริการทั้งหมดในประเทศ ซึ่งไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ โดยในขณะนี้ยังขาดแพทย์อีก 7,000-8,000 อัตรา และพยาบาล 27,000 คน

.

ทั้งนี้งบประมาณที่ใช้ในโครงการเมกะโปรเจ็กต์ทั้งหมดจะต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และดำเนินการต่อเนื่องตั้งแต่ปี 51-53