เนื้อหาวันที่ : 2008-11-05 17:46:19 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1141 views

สศอ.อัดงบ 250 ล้านฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลก อุ้มอุตฯอาหาร-ชิ้นส่วนยานยนต์-อิเล็กทรอนิกส์

สศอ. แนะผู้ประกอบการยิ้มสู้วิกฤตเศรษฐกิจโลก เตรียมอัดงบ 250 ล้านบาท สร้างภูมิคุ้มกันอุตฯ ถอยอย่างมีเชิง รุกอย่างมีกึ๋น กระจายสู่อุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งสิ้น 18 โครงการ อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์รับเละ

สศอ. แนะผู้ประกอบการยิ้มสู้วิกฤตเศรษฐกิจโลก เตรียมอัดงบ 250 ล้านบาท สร้างภูมิคุ้มกันอุตฯ ถอยอย่างมีเชิง รุกอย่างมีกึ๋น

.

นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2552 สศอ. ได้เตรียมอัดฉีดงบประมาณกว่า 250 ล้านบาท เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมไทย ให้สามารถฟันฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง ซึ่งเสมือนเป็นการเตรียมการเชิงรุกอย่างมีชั้นเชิง โดยงบประมาณดังกล่าวจะกระจายในรูปโครงการศึกษาวิจัยเพื่อเตรียมความพร้อมและสร้างความแข็งแกร่งให้ภาคอุตสาหกรรมไทยเป็นหลัก

.

"งบ 250 ล้านบาทนี้ จะถูกกระจายไปในรายสาขาอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งสิ้น 18 โครงการ โดยแบ่งออกเป็นสาขา อุตสาหกรรมอาหาร จำนวน 6 โครงการ 59.5 ล้านบาท เช่นโครงการยกระดับความปลอดภัยในการผลิตอาหารที่ฆ่าเชื้อด้วยความร้อนและอาหารสุกแช่แข็ง  อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน จำนวน 2 โครงการ  80 ล้านบาท"

.

คือ โครงการพัฒนาระบบบริหารการผลิต และโครงการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์  อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 3 โครงการ 45 ล้านบาท คือ โครงการพัฒนาศักยภาพแรงงานในอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โครงการส่งเสริมการสร้างโครงข่ายเชื่อมโยงธุรกิจให้เป็นมาตรฐาน และโครงการเพิ่มผลผลิตและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

.

อุตสากรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม จำนวน 3 โครงการ 23.5 ล้านบาท คือ โครงการพัฒนาความสามารถบุคลากรด้านเทคโนโลยีและด้านบริหาร โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสนองความต้องการในประเทศและกลุ่มอาเซียน โครงการพัฒนาและจัดการระบบการผลิตในอุตสาหกรรมสิ่งทอให้เป็นระบบการผลิตแบบลีน  อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า จำนวน 3 โครงการ 35 ล้านบาท

.

"คือ โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพและกระบวนการผลิตชิ้นส่วน โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และโครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการโลจิสติกส์ และนอกจากนี้ยังมี งบเพื่อการสนับสนุนอื่นๆ อีก 7 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณที่อัดฉีดลงไปนี้ จะเป็นการ ช่วยพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการให้เพิ่มขึ้น ซึ่งในอนาคตจะช่วยให้เกิดการเติบโตได้อย่างยั่งยืน"

.

นายอาทิตย์ กล่าวอีกว่า  ในภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวเช่นนี้ หากผู้ประกอบการยังมีความกังวลต่อวิกฤตเศรษฐกิจจะทำให้สูญเสียโอกาสบางประการ ซึ่งเมื่อการส่งออกชะลอตัว ลงมาบ้าง ยอดขายลดลงบ้าง จึงควรมองว่าเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะแต่ประเทศไทยเท่านั้น และการที่ประเทศไทยเคยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 ถือว่าเป็นบทเรียนที่ทำให้เราสามารถมองหาช่องทางคลี่คลายวิกฤตได้ต่อไป

.

ดังนั้น ณ ขณะนี้ควรหันไปสู่ การสร้างภูมิคุ้มกันให้การประกอบการ เดินหน้าอย่างมีระบบ เดินหมากเดินเกมอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เพื่อไม่ให้เสียโอกาสทางการค้า และสูญเสียตลาดหลักไป และโครงการภายใต้งบประมาณที่ตั้งไว้นั้น จะเป็นการช่วยสนับสนุนได้อีกทางหนึ่ง และที่สุดแล้วย่อมมาจากความร่วมมือของทุกฝ่ายจึงจะทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวข้ามวิกฤตครั้งนี้ได้อย่างปลอดภัย เสมือนว่า ถอยอย่างมีเชิง รุกอย่างมีกึ๋นนั่นเอง