นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี ระบุกรณีที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซื้อหุ้นตัวเองคืนเนื่องจากเห็นว่ามูลค่าหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีนั้นจะไม่มีปัญหาเรื่องภาษี เพราะไม่ถือว่าเป็นเรื่องของกำไรหรือขาดทุน

นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี

"สรรพากรไม่ถือเป็นเรื่องกำไรหรือขาดทุนก็ไม่เกี่ยวกับภาษีในปีนั้น เพราะเป็นเรื่องบัญชีทุน"นายโอฬาร กล่าวทางรายการวิทยุเช้านี้

วานนี้(13 ต.ค.) คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจได้อนุมัติมาตรการ 6 ด้านเพื่อรองรับวิกฤติการเงินสหรัฐที่อาจส่งผลกระทบจะใช้เม็ดเงินทั้งหมดราว 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย มาตรการด้านตลาดทุนที่จะส่งเสริมให้มีการลงทุนมากขึ้น, สนับสนุนสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจอย่างเพียงพอและทั่วถึง, เร่งรัดรายได้ด้านส่งออกและการท่องเที่ยว, เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศ, เร่งโครงการลงทุนขนาดใหญ่และเพิ่มวงเงินอีก 1 แสนล้านบาท และสนับสนุนประชาคมการเงินเอเชีย

รองนายกรัฐมนตรี คาดว่า มาตรการดังกล่าวจะกระตุ้นให้คนไทยเข้ามาซื้อหุ้นในรูปแบบต่างๆ จะมีมูลค่ารวมกันราว 5 หมื่นล้านบาท โดยเชื่อว่ามาตรการที่ออกมาจะสามารถรองรับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้ แต่หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นทางการก็จะมีมาตรการออกมาเพิ่มเติม ทั้งนี้เชื่อว่าเศรษฐกิจของสหรัฐและสหภาพยุโรปจะเข้าสู่ภาวะตกต่ำอย่างชัดเจนในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้านี้

ด้าน นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเชียพลัส(ASP) ในฐานะรองประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ทางการอาจจำเป็นต้องมีมาตรการออกมาเสริมบ้าง เช่น แก้ไขกฎเพื่ออนุญาตให้บริษัทจดทะเบียนที่ซื้อหุ้นคืนสามารถเพิ่มทุนได้ เพราะถือเป็นแนวทางการบริหารเงินสด เป็นต้น

"ไม่ต้องห้ามเลยดีกว่า อยากให้มองว่าเป็นการบริหารเงินสดของบริษัท" นายก้องเกียรติ กล่าว

นายก้องเกียรติ กล่าวว่า กองทุนที่จะเข้ามาลงทุนเบื้องต้นน่าจะเป็นการระดมทุนจากสถาบันการเงินของรัฐที่มีสภาพคล่องเหลืออยู่ เพราะบรรดาโบรกเกอร์ยังเผชิญปัญหาธุรกิจตกต่ำซบเซา ขณะเดียวกันต้องพยายามสร้างแรงซื้อภายในประเทศให้มากขึ้นเพื่อคานกับแรงขายของต่างประเทศ ซึ่งหากมีมาตรการหลายอย่างก็จะช่วยแก้ปัญหาได้หากเกิดปัญหาหุ้นตก