เนื้อหาวันที่ : 2008-08-26 09:24:36 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1131 views

พาณิชย์ เผยอานิสงน์ FTA ช่วยเปิดตลาดผัก-ผลไม้ในออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผย สถานการณ์การค้าของไทยภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรี(FTA) ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-มิ.ย.) ว่า ช่วยให้มูลค่าการค้าไทยเพิ่มขึ้น และเปิดตลาดให้กับสินค้าใหม่ๆ

น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงสถานการณ์การค้าของไทยภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรี(FTA) ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-มิ.ย.) ว่า ช่วยให้มูลค่าการค้าไทยเพิ่มขึ้น และเปิดตลาดให้กับสินค้าใหม่ๆ ที่ไทยไม่เคยส่งออก เช่น สามารถเปิดตลาดผักและผลไม้ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์จากเดิมทั้ง 2 ประเทศไม่อนุญาตนำเข้า โดยออสเตรเลียอนุญาตนำเข้าสินค้า 7 รายการคือ มังคุด ลำไย ลิ้นจี่ สับปะรด ทุเรียนแกะเปลือก ส้มโอแกะเปลือก และปลาสวยงาม ซึ่งครึ่งปีแรก ไทยส่งออกสินค้าดังกล่าวแล้ว 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 40% ส่วนนิวซีแลนด์ อนุญาตนำเข้าสินค้า 5 รายการ ได้แก่ มังคุด ลำไย ลิ้นจี่ ขิงสด และทุเรียนแกะเปลือก โดยส่งออกแล้ว 0.3 ล้านเหรียญฯ

.

"เดิมผักและผลไม้เหล่านี้ ไทยไม่เคยส่งออกไปยัง 2 ประเทศนี้ได้เลย แต่พอเจรจาเอฟทีเอ และไทยได้เจรจาให้มีการเปิดตลาดให้ไทยมาอย่างต่อเนื่อง จนประสบผลสำเร็จในที่สุด ซึ่งเบื้องต้น มูลค่าการส่งออกยังไม่มากนัก แต่อนาคตคาดว่า จะส่งออกได้เพิ่มมากขึ้นแน่" น.ส.ชุติมา กล่าว

.

อย่างไรก็ตาม สินค้าที่น่าเป็นห่วงว่าจะมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นจากเปิดเสรี เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เครื่องในวัว เครื่องในหมู เนยแข็ง หางนมผง องุ่นสด มันฝรั่ง เป็นต้น ซึ่งไทยสามารถใช้มาตรการป้องกันการนำเข้าได้นั้น จนถึงขณะนี้ไทยได้ใช้มาตรการดังกล่าวกับองุ่นสดที่นำเข้าจากออสเตรเลีย และเนยแข็งจากนิวซีแลนด์ โดยเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราปกติในส่วนที่เกินโควตานำเข้าที่กำหนด ขณะที่สินค้าที่มีมาตรการจำกัดการนำเข้า ยังไม่มีสินค้าใดมีการนำเข้าเกินโควตา เพราะมีคณะกรรมการพิจารณาจัดสรรการนำเข้าสินค้าแต่ละชนิดอยู่แล้ว

.

นอกจากนี้ เอฟทีเอยังช่วยให้การลงทุนเพิ่มขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีแรก ออสเตรเลียมีโครงการที่ขอรับการส่งเสริมลงทุน 8 โครงการ มูลค่า 1,024 ล้านบาท จากปีก่อน 14 โครงการ 1,000 ล้านบาท นิวซีแลนด์ 4 โครงการ 453 ล้านบาท จากปีก่อนไม่มีการลงทุน อินเดีย 10 โครงการ 576 ล้านบาท จากปีก่อน 12 โครงการ 2,090 ล้านบาท จีน 7 โครงการ 180 ล้านบาท จากปีก่อน 18 โครงการ 3,962 ล้านบาท และญี่ปุ่น 164 โครงการ 29,846 ล้านบาท จากปีก่อน 161 โครงการ 61,748 ล้านบาท  

.

น.ส.ชุติมา กล่าวถึงการค้ารวมภายใต้เอฟทีเอกรอบต่างๆ ในช่วง 6 เดือนแรกว่า เอฟทีเอไทย-ออสเตรเลีย ไทยส่งออกมูลค่า 3,511.2 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 31.5% นำเข้า 2,466.6 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 37.5% ได้ดุลการค้า 1,044.6 ล้านเหรียญฯ เอฟทีเอไทย-นิวซีแลนด์ ไทยส่งออก 350.9 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 27.8% นำเข้า 422.5 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 140.9% ขาดดุลการค้า 71.6 ล้านเหรียญฯ

.

ส่วนเอฟทีไทย-อินเดีย ไทยส่งออก 1,576.9 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 28.2% นำเข้า 1,320.2 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 26.9% ได้ดุลการค้า 256.7 ล้านเหรียญฯ เอฟทีเออาเซียน-จีน ไทยส่งออก 8,359.9 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 27.4% นำเข้า 9,977.9 ล้านเหรียญฯ ขาดดุลการค้า 1,618 ล้านเหรียญฯ และเอฟทีเอไทย-ญี่ปุ่น ไทยส่งออก 9,878.8 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 13% นำเข้า 16,480.2 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 23.1% ขาดดุลการค้า 6,601.4 ล้านเหรียญฯ