เนื้อหาวันที่ : 2008-08-20 11:28:18 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1384 views

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ชี้ความต้องการอสังหาฯ ส่งผลต่อยอดขายบ้านเดี่ยวเพิ่ม

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยในครึ่งปีแรก 2551 โดยฝ่ายวิจัยและพัฒนาว่า ล่าสุด บริษัทฯ ได้ทำการวิจัยทั้งในส่วนตลาดแนวราบและแนวสูง โดยตลาดแนวราบนั้นยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในครึ่งปีแรกมีจำนวนยูนิตเสนอขายบ้านเดี่ยวรวม 21,102 ยูนิต จาก 430 โครงการ

นายเมธา จันทร์แจ่มจรัส ประธานอำนวยการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยรายงานผลวิจัยสรุปภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยในครึ่งปีแรก 2551 โดยฝ่ายวิจัยและพัฒนาว่า ล่าสุด บริษัทฯ ได้ทำการวิจัยทั้งในส่วนตลาดแนวราบและแนวสูง โดยตลาดแนวราบนั้นยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในครึ่งปีแรกมีจำนวนยูนิตเสนอขายบ้านเดี่ยวรวม 21,102 ยูนิต จาก 430 โครงการ

.

ซึ่งเป็นยูนิตของโครงการเปิดใหม่ จำนวน 2,136 ยูนิต จาก 38 โครงการ และพื้นที่ทิศเหนือมียูนิตเสนอขายมากที่สุด 7,034 ยูนิตหรือ 35% จากทั้งหมด สำหรับส่วนแบ่งตลาดตามระดับราคาที่ใหญ่ที่สุด อยู่ในระดับราคา 3-5 ล้านบาท 9,629 ยูนิตหรือ 45% ตามด้วยราคา 5-7 ล้านบาท 4,095 ยูนิตและต่ำกว่า 1 ล้านบาท 4,080 ยูนิต

.

สัดส่วนเท่ากันที่ 19% ส่วนบ้านเดี่ยวระดับบนตั้งแต่ 7 ล้านบาทขึ้นไป ครองส่วนแบ่งที่ 16% โดยที่ระดับราคา 7-10 ล้านบาท 2,231 ยูนิต (11%) ราคา 10-20 ล้านบาท 747 ยูนิต (4%) และราคามากกว่า 20 ล้านบาท 320 ยูนิต (2%) ตามลำดับ จะเห็นได้ว่า การขยายตัวของบ้านเดี่ยวยังคงเน้นระดับกลาง-ล่าง ให้สอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ ทำให้ส่วนแบ่งตลาดบ้านเดี่ยวระดับราคากลาง-ล่าง อยู่ที่ 80% ขึ้นไปของยูนิตเสนอขายทั้งหมด ในทุกๆ รอบสำรวจ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวราคา 3-5 ล้านยังคงเป็นกลุ่มใหญ่

.

ทั้งนี้ พบว่า ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มมีการขยับราคาขายขึ้น เนื่องจากต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้นอีก 10- 15% โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่เคยพัฒนาโครงการในระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทมีสัดส่วนลดลงอย่างเห็นได้ชัด จาก 23% ในครึ่งปีหลัง 2550 เป็น 17%ในรอบนี้ ซึ่งสะท้อนได้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยคาดว่าโครงการที่เปิดขายในอนาคตจะยังยึดราคา 3-5 ล้านบาทแต่ปรับเปลี่ยนรูปแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งและสอดคล้องกับต้นทุนราคาวัสดุก่อสร้างมากยิ่งขึ้น