รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 3 สาย ในวันที่ 1 ก.ย.เปิดให้เอกชนที่สนใจร่วมประมูลเข้ามารับแบบในการก่อสร้างไปศึกษาก่อนมาจ่ายค่าแบบวันที่ 13-30 ต.ค.คาดว่า จะเปิดซองประมูล และประกาศผลได้ในต้นปี 50 เพื่อป้องกันข้อครหาว่า เป็นรัฐบาลรักษาการ แต่เปิดซองประมูลโครงการขนาดใหญ่

นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 3 สาย ว่า ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ ทั้งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะเปิดให้เอกชนที่สนใจร่วมประมูลเข้ามารับแบบในการก่อสร้างไปศึกษาก่อนมาจ่ายค่าแบบวันที่ 13-30 ต.ค.นี้ ซึ่งเป็นช่วงที่ธนาคารเพื่อความร่วมมือแห่งประเทศญี่ปุ่น (เจบิก) พิจารณาว่าจะตัดสินใจให้กู้ได้หรือไม่เรียบร้อยแล้ว ส่วนขั้นตอนหลังจากนั้นในวันที่ 20-29 ธ.ค. จะเปิดให้ยื่นซองประมูลทั้งซองประกวดราคา และเทคนิค พร้อมกับการยื่นรายละเอียดของคุณสมบัติขั้นต่ำ (Post-Q) คาดว่า จะเปิดซองประมูล และประกาศผลได้ในต้นปี 50 เพื่อป้องกันข้อครหาว่า เป็นรัฐบาลรักษาการ แต่เปิดซองประมูลโครงการขนาดใหญ่

นายพงษ์ศักดิ์ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง สำหรับข่าวที่ว่า เจบิกจะไม่อนุมัติเงินกู้ ให้ไทยเพื่อลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 3 สายนั้น ขณะนี้ทั้ง รฟม. และ รฟท. ยังทำงานร่วมกับผู้แทนของเจบิก และเจบิกก็แสดงความสนใจที่จะให้เงินกู้ กับไทยอย่างยิ่ง แต่หากเจบิกไม่อนุมัติเงินกู้จริง กระทรวงการคลังพร้อมที่จะหาแหล่งเงินกู้อื่นทดแทนให้ได้ ส่วนการจัดตั้งองค์การบริหารระบบรถไฟฟ้า (Mass Transit Authority : MTA) เพื่อบริหารจัดการเดินรถจัดเก็บรายได้ และแบ่งปันรายได้ระหว่างเอกชนผู้บริหารเดินรถไฟฟ้าทั้ง 3 สายทาง รวมถึงรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้น ขณะนี้ได้ยกร่างกฎหมายแล้ว แต่ต้องรอให้มีการพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรก่อน ซึ่งต้องรอหลังการเลือกตั้ง

ส่วนนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอุตสาหกรรม ในฐานะประธานของโครงการนี้ กล่าวว่า ได้ดำเนินการเจรจาหารือทันทีร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของ ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC) ดังที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติให้เป็นโครงการที่ต้องกู้ ตลอดจน ดร.ทนง พิทยะ รัฐมนตรีฯ คลัง ก็เห็นด้วยกับหลักการและมตินี้ โดยเฉพาะกู้เจบิก ซึ่งได้เจรจาเพื่อร่นกรอบระยะเวลาในการพิจารณาปล่อยกู้โครงการรถไฟฟ้า 3 สาย ว่าทางเจบิกตกลงที่จะยืดหยุ่นการพิจารณาปล่อยกู้ด้วยการส่งผู้เชี่ยวชาญมาร่วมทำงานด้วยตลอดทุกกระบวนการขั้นตอนกับทั้ง รฟม. และ รฟท. แทนที่จะให้ส่งเรืองไปให้ดูเป็นระยะ ซึ่งจะเสียเวลายาวนานมาก เพราะว่าหากมีส่วนใดต้องปรับเปลี่ยนแก้ ก็สามารถดำเนินการได้ทันที

ด้านนายไมตรี ศรีนราวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า กรณีที่มีการแยกสัญญาการลงทุนระหว่างงานด้านโยธาออกจากระบบการเดินรถ เพราะเห็นว่า เอกชนไทยไม่มีความชำนาญในเรื่องก่อสร้างนั้น ในส่วนนี้จะเปิดกว้างให้สามารถมีสิทธิเข้ามาร่วมประมูลได้ ส่วนระบบการเดินรถนั้น หากเอกชนไทยสนใจก็เข้าร่วมกับผู้ผลิตจากต่างชาติที่มีความชำนาญได้