เนื้อหาวันที่ : 2008-07-01 16:42:15 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1109 views

พาณิชย์ มองเงินเฟ้อปี 51 มีสิทธิพุ่ง 7-8% หลัง มิ.ย.แตะสูงสุดรอบ 10 ปี

พาณิชย์ มองอัตราเงินเฟ้อปีนี้มีโอกาสขยายตัวในระดับ 7-8% หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกช่วงครึ่งปีหลังปรับตัวขึ้นสูงถึง 140 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังจากที่ราคาน้ำมันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุดอัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.51 ขยายตัวถึง 8.9% สูงสุดในรอบ 10 ปี

กระทรวงพาณิชย์ มองอัตราเงินเฟ้อปีนี้มีโอกาสขยายตัวในระดับ 7-8% หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกช่วงครึ่งปีหลังปรับตัวขึ้นสูงถึง 140 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังจากที่ราคาน้ำมันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งล่าสุดอัตราเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.51 ขยายตัวถึง 8.9% สูงสุดในรอบ 10 ปี

.

นางไพเราะ สุดสว่าง รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ณ ขณะนี้ยังไม่มีการปรับประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั้งปี 51 ที่กระทรวงพาณิชย์เคยให้กรอบไว้ไม่เกิน 5.5% เนื่องจากราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยช่วงครึ่งปีแรกยังอยู่ที่ 103 ดอลลาร์/บาร์เรล ไม่เกินไปกว่าสมมติฐานเดิมที่เคยตั้งไว้ที่ระดับราคาน้ำมันเฉลี่ยไม่เกิน 105 ดอลลาร์/บาร์เรล

.

แต่หากในช่วงครึ่งปีหลังราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยเป็นไปตามสมมติฐานด้านเลวร้ายสุดที่ 140 ดอลลาร์/บาร์เรล จะทำให้ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยทั้งปี 51 ปรับขึ้นไปที่ 120 ดอลลาร์/บาร์เรล ก็จะทำให้เงินเฟ้อขยายตัวเพิ่มขึ้นมาที่ 7-8% ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์ฯ)คาดไว้

.

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป(CPI)ในเดือน มิ.ย.51 อยู่ที่ 127.7 เพิ่มขึ้น 8.9% จากเดือน มิ.ย.50 และเพิ่มขึ้น 1.2% จากเดือน พ.ค.51 โดย CPI เฉลี่ย 6 เดือนแรกปี 51 ขยายตัว 6.3% สำหรับอัตราเงินเฟ้อในเดือนมิ.ย.51 ถือว่าสูงที่สุดในรอบ 10 ปี นับตั้งแต่มิ.ย.41 ที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับ 9.7%

.

ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน(Core CPI) ไม่รวมหมวดสินค้าอาหารสดและพลังงานในเดือน มิ.ย.51 อยู่ที่ระดับ 109.3 เพิ่มขึ้น 3.6% จากเดือน มิ.ย.50 และเพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบกับเดือน พ.ค.51 โดย Core CPI เฉลี่ย 6 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 2.2%

.

นางไพเราะ กล่าวว่า สาเหตุที่การขยายตัวของ CPI ในมิ.ย.51 สูงขึ้นมากจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวในระดับ 7.6% สาเหตุสำคัญมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลก โดยราคาน้ำมันดิบดูไบ ณ 30 มิ.ย.51 อยู่ที่ 136.30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล  เมื่อเทียบกับ 65.70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ณ 30 มิ.ย. 50 คิดเป็นปรับตัวเพิ่มขึ้น 94.58% 

"ปัจจัยที่สำคัญที่สุด คือ ราคาน้ำมันในตลาดโลกซึ่งในเดือนมิ.ย.ปีนี้สูงขึ้นจากเดือนมิ.ย.50 ถึง 94.58%" นางไพเราะ กล่าว

.

นางไพเราะ กล่าวถึงสาเหตุที่ CPI เดือนมิ.ย.51 สูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้าประมาณ 1.2% เป็นอัตราที่ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนค่อนข้างมาก เป็นผลจากการลดลงของราคาอาหารสด เช่น เนื้อสุกร ไก่สด ไข่และผักสด ขณะที่สินค้าหมวดอื่นที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นตามความผันผวนของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในระดับสูง ส่งผลให้ค่าโดยสารสาธารณะหลายประเภทมีราคาสูงขึ้นแม้ค่าไฟฟ้าจะปรับตัวลดลงตามค่า Ft ก็ตาม

.

แต่หากเทียบ CPI ในมิ.ย. 51 ที่สูงขึ้นจากมิ.ย.50 ถึง 8.9%  ถือว่าเป็นอัตราที่สูงขึ้นมาก ปัจจัยสำคัญมาจาการการสูงขึ้นของดัชนีน้ำมันเชื้อเพลิง 44.7% ส่งผลให้ราคาสินค้าต่างๆ สูงขึ้น โดยหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 11.4% ขณะที่หมวดอื่นๆที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 7.2% โดยปัจจัยหลักมาจากการปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง

.

นางไพเราะ กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 8.9% ถ้าเทียบกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปัจจุบันที่ 5.5% ถือว่ายังสามารถรับได้ แต่ทั้งนี้อาจส่งผลต่อความรู้สึกของประชาชน แต่เชื่อว่าการที่รัฐบาลมีการปรับเงินเดือนและการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำก็จะพอช่วยบรรเทาความรู้สึกลงได้

.

"ในระดับเศรษฐกิจที่ 5.5% คิดว่อัตราเงินเฟ้อที่ 8.9% ในแง่หลักวิชาการยังพอรับได้ แต่ในความรู้สึกของประชาชนจากที่ราคาสินค้าเพิ่มขึ้น อาจทำให้รู้สึกไม่สบายใจหนัก ต้องรอเวลาสักพักแล้วค่อยดูว่าจะไหวหรือไม่ แต่ที่ไม่ไหวคือ เรื่องราคาน้ำมัน" นางไพเราะ กล่าว