เนื้อหาวันที่ : 2008-06-24 13:27:36 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1174 views

ETG ยอมรับราคาน้ำมันพุ่งกระทบกำไรปีนี้ เตรียมร่วมลงทุนโลจิสติกส์ในลาวไตรมาสQ3

อีเทอร์นิตี้ แกรนด์โลจิติคส์ ยอมรับราคาน้ำมันที่พุ่งแรงต่อเนื่องในปีนี้จะกระทบกับความสามารถในการทำกำไรของบริษัท แม้ว่ารายได้ทั้งปีน่าจะเข้าเป้า 1.3 พันล้านบาทตามแผนงานที่ตั้งไว้ และมีเป้าหมาย 3 ปีจะทำรายได้แตะ 3 พันล้านบาท โดยบริษัทมีแผนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน

      

 
บมจ.อีเทอร์นิตี้ แกรนด์โลจิติคส์(ETG) ยอมรับราคาน้ำมันที่พุ่งแรงต่อเนื่องในปีนี้จะกระทบกับความสามารถในการทำกำไรของบริษัท แม้ว่ารายได้ทั้งปีน่าจะเข้าเป้า 1.3 พันล้านบาทตามแผนงานที่ตั้งไว้ และมีเป้าหมาย 3 ปีจะทำรายได้แตะ 3 พันล้านบาท โดยบริษัทมีแผนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งดำเนินการเองและร่วมพันธมิตร   
.

นายพูนศักดิ์ เธียไพรัตน์ กรรมการผู้จัดการ ETG กล่าวว่า ราคาน้ำมันจะมีผลกระทบต่อกำไรสุทธิของบริษัทไม่เกิน 15% ของเป้าหมายที่วางไว้ แต่ยังจะสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากบริษัทเร่งหาลูกค้ารายใหม่ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้ารายใหม่ 4 ราย ซึ่งบรรลุข้อตกลงได้แล้ว 2 ราย

.

นอกจากนั้น บริษัทยังมีโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยจะเข้าไปลงทุนบริหารโลจิสติกส์ในประเทศลาว คาดว่าจะมีความชัดเจนใน Q3/51 จากนั้นจะลงทุนและคาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ภายในไตรมาส 2/52 โดย ETG จะเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 70% หรือคิดเป็นเม็ดเงินลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท

.

ขณะที่มีโครงการบริหารโลจิสติกส์ให้กับธุรกิจพลังงานในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้มีบริษัทที่ทำธุรกิจปิโตรเคมีทั้งในประเทศไทยและบริษัทเทรดดิ้งถ่านหินจากญี่ปุ่นสนใจร่วมกับบริษัทในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ซึ่ง ETG ก็จะเข้าไปถือหุ้นราว 20-30%

.

ส่วนการขายหุ้นเพิ่มทุน 25 ล้านหุ้นที่จัดสรรให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจงนั้น คาดว่าจะสรุปผลคัดเลือกพันธมิตรรายใหม่ภายในสิ้นเดือน ก.ค.นี้ จากนักลงทุน 4 รายที่แสดงความสนใจเข้ามา ซึ่งมีทั้งกองทุนในประเทศ และ ธุรกิจโลจิสติกส์จากต่างประเทศ คาดว่าจะคัดเลือกเหลือเพียง 1-2 รายเท่านั้น และจะนำเงินที่ได้ราว 120 ล้านบาทไปใช้ในการขยายธุรกิจ และชำระหนี้จากการซื้อหุ้นของบริษัท แพรนดส์ กรุ๊ป โลจิติกส์ จำกัด(PAND)

.

นายพูนศักดิ์ กล่าวว่า จากปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น บริษัทได้พยายามปรับตัวเพื่อรับสถานการณ์ด้วยการทำป้องกันความเสี่ยงราคาน้ำมันบางส่วน โดยมีปริมาณการใช้น้ำมันราว 1 ล้านลิตรต่อเดือน รวมทั้งขอปรับราคาค่าบริการกับลูกค้าให้ทันกับการปรับตัวของราคาน้ำมัน

..

รวมทั้ง ทยอยการปรับเปลี่ยนรถบรรทุกของบริษัทให้มาใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV เป็นเชื้อเพลิงมากขึ้น โดยมีเป้าหมายปรับเปลี่ยนให้ครบ 100 คัน โดยปัจจุบันมีรถที่ให้ก๊าซ 40 คัน จากจำนวนทั้งหมด 400 คัน ซึ่งเชื่อว่าในปีนี้บริษัทจะสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้น(GP)ไว้ที่ 20%