เนื้อหาวันที่ : 2008-06-17 10:59:32 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2733 views

การป้องกันความผิดพลาดโดยใช้ระบบอาร์เอฟไอดี

ความผิดพลาดของการผลิตและความผิดพลาดตามลำดับที่ก่อให้กิดต้นทุนนั้นจะต้องดำเนินการติดตามส่วนประกอบ อะไหล่ และชิ้นส่วนต่างๆ อย่างระมัดระวังตลอดทั้งกระบวนการผลิต

.

บทนำ 

บรรดาผู้ผลิตทราบกันดีว่าการที่จะสามารถป้องกันความผิดพลาดของการผลิตและความผิดพลาดตามลำดับที่ก่อให้กิดต้นทุนนั้นจะต้องดำเนินการติดตามส่วนประกอบ อะไหล่ และชิ้นส่วนต่างๆ อย่างระมัดระวังตลอดทั้งกระบวนการผลิต ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายนักเมื่อปฏิบัติการ แม้ว่าบาร์โค้ดจะให้การระบุข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและแม่นยำ ตลอดจนสามารถช่วยในเรื่องข้อมูลที่เกี่ยวกับลำดับของผลิตภัณฑ์

.

แต่สัญลักษณ์บาร์โค้ดก็ยังไม่ดีพอสำหรับกระบวนการอุตสาหกรรมในหลายประเภท ขณะที่การระบุข้อมูลด้วยคลื่นวิทยุแบบไร้สาย (อาร์เอฟไอดี) เป็นทางเลือกที่เยี่ยมกว่าบาร์โค้ด อย่างไรก็ตามในอดีตเทคโนโลยีนี้มีปัญหาในด้านการใช้งาน เนื่องจากระบบอาร์เอฟไอดีส่วนใหญ่จะมีความไวสูงต่อสิ่งกีดขวางที่เป็นโลหะ ทำให้การใช้อาร์เอฟไอดีในแอพพลิเคชันการติดตามการผลิตจึงเป็นไปอย่างจำกัด

.

จากการวิจัยของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สหรัฐ (Automotive Industry Action Group: AIAG) และบริษัท เอเอ็มอาร์ รีเสิร์ช พบว่าแม้ว่าผู้ผลิตและนักพัฒนาเทคโนโลยีจะได้ดำเนินการแก้ปัญหาดังกล่าว แต่ความผิดพลาดก็ยังคงมีอยู่ส่งผลให้ซัพพลายเออร์และผู้ผลิตรถยนต์ต้องมีค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหานี้มากถึงวันละ 1 ล้านดอลลาร์

.

แท็กอาร์เอฟไอดีแบบพิเศษที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อการใช้งานกับโลหะได้จึงเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและดีกว่าระบบบาร์โค้ดสำหรับแอพพลิเคชันด้านการป้องกันความผิดพลาดในการผลิต รายงานฉบับนี้จะให้รายละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบด้านการเงินที่เกิดจากความผิดพลาดและการเรียกคืนผลิตภัณฑ์ อธิบายวิธีใช้อาร์เอฟไอดีเพื่อป้องกันความผิดพลาดและในกระบวนการผลิตอื่นๆ นำเสนอข้อดีของกระบวนการที่ใช้อาร์เอฟไอดี และอธิบายถึงการพัฒนาเทคโนโลยีแท็กที่ทำให้อาร์เอฟไอดีเป็นสิ่งที่เชื่อถือได้สำหรับการป้องกันความผิดพลาดและการติดตามกระบวนการผลิตรถยนต์

.
ข้อดีของการป้องกันความผิดพลาด

จากรายงานของบริษัท แบริงพอยท์ ซึ่งเป็นธุรกิจด้านที่ปรึกษา พบว่า ก่อนหน้านี้ในกระบวนการผลิตที่มีการตรวจจับความผิดพลาดตามลำดับและความผิดพลาดในการประกอบชิ้นส่วนนั้น พวกเขาจะใช้ต้นทุนเพื่อแก้ไขความผิดพลาดน้อยโดยค่าใช้จ่ายสำหรับการแก้ไขปัญหาด้านคุณภาพในโรงงานนั้นเมื่อเทียบกับในภาคสนามแล้วพบว่ามีประมาณ 3 ต่อ 1 และค่าใช้จ่ายสำหรับแก้ปัญหาด้านการเรียกคืนผลิตภัณฑ์มีมากกว่าการแก้ไขปัญหาในโรงงานผลิตประมาณ 9 เท่า ดังนั้น บรรดาผู้ผลิตและซัพพลายเออร์จึงเกิดแรงจูงใจที่ชัดเจนในการสร้างระบบป้องกันความผิดพลาดที่จะแน่ใจได้ว่าผลิตภัณฑ์และชิ้นส่วนต่างๆ ที่จะนำไปประกอบและทดสอบนั้นถูกต้องก่อนที่จะนำออกจากโรงงาน

.

บริษัท เอเอ็มอาร์ รายงานว่าบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ในปัจจุบันใช้เวลาถึง 120 วันในการตรวจหาและแก้ไขปัญหาส่วนใหญ่ โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยวันละ 1 ล้านดอลลาร์ทั้งในด้านแรงงาน อะไหล่ และผลกระทบที่มีต่อชื่อเสียงของแบรนด์ และ AIAG ยังระบุด้วยว่าหลังจากผ่านระยะเวลา 120 วันมาแล้ว รถยนต์ส่วนใหญ่ที่ออกจากโรงงานมักจะถูกเรียกคืน ซึ่งโดยเฉลี่ยจะใช้เวลา 250 วันกว่ากระบวนการนี้จะเสร็จสมบูรณ์

.

เพื่อป้องกันความล่าช้าในการตรวจหาความผิดพลาด ผู้ผลิตจึงจำเป็นต้องระบุข้อมูลชิ้นส่วนและส่วนประกอบอย่างละเอียดตลอดจนตรวจสอบการดำเนินการทั้งการผลิตและขั้นตอนต่างๆ ของการจัดการวัสดุ/วัตถุดิบ ซึ่งระบบระบุข้อมูลในเวลาจริงสามารถป้องกันความผิดพลาดหลายอย่างได้อย่างครอบคลุม ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงการเกิดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก โดยผู้ผลิตสามารถปรับใช้ระบบ ERP, ระบบควบคุมคุณภาพและการดำเนินการผลิตโดยใช้บาร์โค้ดและอาร์เอฟไอดี ณ เวลาจริง เพื่อนำมาปิดช่องโหว่ของการติดตามในกระบวนการทำงานที่เป็นสาเหตุให้เกิดความผิดพลาดตามลำดับการทำงานและการผลิต

.

ในส่วนต่างๆ ต่อไปนี้จะแสดงวิธีที่อาร์เอฟไอดีสามารถปรับปรุงการจัดการด้านวัสดุ การจัดส่ง และการรับวัสดุระหว่างซัพพลายเออร์และผู้ผลิตเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นและปรับปรุงความสามารถในการตรวจสอบที่มองเห็นได้

 .

 .

ระบบโลจิสติกส์ขาออก

การร่วมมือกันของผู้ผลิตและซัพพลายเออร์โดยใช้ระบบอาร์เอฟไอดี สามารถปรับปรุงการดำเนินงานและกระบวนการป้องกันความผิดพลาดให้ดีขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่น เครื่องยนต์ที่ประกอบในโรงงานของ          ซัพพลายเออร์และส่งไปยังโออีเอ็มผลิตรถยนต์นั้น ซัพพลายเออร์สามารถดำเนินการและป้องกันความผิดพลาดโลจิสติกขาออกได้โดยอัตโนมัติเมื่อเครื่องยนต์ออกจากส่วนการผลิตเพื่อขนถ่ายไปยังรถไฟหรือรถบรรทุกสำหรับการจัดส่ง เครื่องยนต์แต่ละชุดต้องสามารถถูกระบุข้อมูลได้โดยไม่ซ้ำกัน และถูกโหลดลงในนลำดับที่เหมาะสมเพื่อให้ทันเวลาในการผลิต รุ่นและหมายเลขรุ่ผลิตภัณฑ์โดยทั่วไปแล้วจะอยู่บนฉลากบาร์โค้ดของเครื่องยนต์ แต่สัญลักษณ์นี้อาจไม่สะดวกในการอ่านเมื่อต้องใช้งานในกระบวนการจัดการวัสดุ

.

เพื่ออำนวยความสะดวกในด้านการจัดการให้เป็นไปโดยอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพ หมายเลขผลิตภัณฑ์ของเครื่องยนต์สามารถบันทึกลงในแท็กอาร์เอฟไอดีแบบใช้ซ้ำได้ โดยนำไปแปะอย่างถาวรกับชั้นวางงที่ใช้ในการขนส่งเครื่องยนต์ตลอดทั้งการดำเนินการโลจิสติกและการจัดการวัสดุ แท็กที่เป็นมาตรฐานสำหรับแอพพลิเคชันซัพพลายเชนแบบเปิดนี้ สามารถให้ตัวระบุชนิดข้อมูลต่างๆ ที่ใช้ในแอพพลิเคชันของฐานข้อมูล หรือมีหน่วยความจำจำนวนมากเพียงพอที่จะเข้ารหัสหมายเลขผลิตภัณฑ์ของเครี่องยนต์แต่ละรายการที่จัดวางอยู่บนชั้นได้ แท็กอาร์เอฟไอดีที่ทนทานสามารถใช้งานร่วมกับชั้นวางที่อยู่นอกตัวรถได้อย่างน่าเชื่อถือ

.

แม้ว่าจะต้องเจออุณหภูมิสูงทั้งร้อนและเย็น เจอน้ำแข็งหรือหิมะก็ตาม แท็กถาวรเหล่านี้สามารถถูกเขียนซ้ำได้นับพันครั้งเมื่อมีการนำชั้นวางมาใช้ใหม่ การติดแท็กไว้ที่ชั้นวางจะทำให้ง่ายในการบันทึกการเคลื่อนที่ของวัสดุและตำแหน่งการจัดเก็บที่แม่นยำและอัตโนมัติโดยไม่ต้องสแกนบาร์โค้ดหรือดำเนินการเองใดๆ ชั้นวางต่างๆ สามารถถูกระบุข้อมูลได้ในบริเวณทางเข้าออกที่ติดตั้งระบบอาร์เอฟไอดีหรือเครื่องอ่านที่ติดตั้งไว้ประจำที่ในสถานที่ต่างๆ หรือเครื่องอ่านที่ติดตั้งในรถโฟร์คลิฟท์หรือเครื่องอ่านแบบพกพาอื่น ๆ

.

โดยข้อมูลตำแหน่งที่แม่นยำที่บันทึกไว้โดยอาร์เอฟไอดีนั้นจะถูกส่งต่อผ่านทางระบบแลนไร้สายทำให้ไม่เสียเวลาและไม่ต้องใช้แรงงานในการค้นหาเครื่องยนต์รุ่นที่ต้องการแต่อย่างใด ทั้งนี้ ก่อนที่จะดำเนินการจัดส่ง ชั้นวางสามารถถูกอ่านโดยอัตโนมัติเพื่อตรวจสอบว่าเครื่องยนต์เป็นไปตามใบสั่งซื้อและกำลังถูกโหลดลงในลำดับที่ถูกต้องหรือไม่ จากนั้นผู้ผลิตจะใช้ข้อมูลดังกล่าวผ่านทางระบบข้อความ EDI หรือระบบสื่อสารอื่นๆ ที่จะสนับสนุนการรับสินค้าและดำเนินการวางแผนการผลิตในโรงงานผลิตได้

.
ระบบโลจิสติกส์ขาเข้า

นอกจากนี้ ผู้ผลิตยังต้องติดตามการจัดส่งขาเข้าในลำดับที่ถูกต้องด้วย โดยชั้นวางที่ติดแท็กไว้จะถูกอ่านโดยเครื่องอ่านที่ติดไว้ในรถโฟร์คลิฟท์หรือที่หน้าประตูทางเข้าทันทีที่มาถึงโรงงาน และจะถูกตรวจสอบว่าตรงกับใบสั่งซื้อหรือใบแจ้งการจัดส่งในฐานข้อมูลผ่านระบบเชื่อมต่อแลนไร้สาย เมื่อได้รับการระบุข้อมูลแล้ว รายการสินค้าต่างๆ จะพร้อมส่งมอบไปยังส่วนการประกอบชิ้นส่วนของการผลิตในระบบ JIT (ระบบพัฒนาคุณภาพและควบคุมการไหลของงาน) หรือสำหรับจัดวางในสถานที่จัดเก็บทันที อีกครั้งที่การเก็บรวบรวมข้อมูลอาร์เอฟไอดีและการเชื่อมต่อแลนไร้สายสามารถบันทึกการเคลื่อนย้ายและตำแหน่งจัดเก็บทั้งหมดได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ การติดตามอาร์เอฟไอดีแบบเวลาจริงยังช่วยปรับปรุงการมองเห็นสินค้าคงคลัง วัสดุ และงานที่กำลังดำเนินการอยู่ได้ด้วย

.
ระบบโลจิสติกส์ในโรงงาน

ชั้นวางต่างๆ ที่มีการเคลื่อนย้ายโดยใช้ระบบจัดการวัสดุ สามารถถูกระบุข้อมูลด้วยเครื่องอ่านอาร์เอฟไอดีที่ติดตั้งประจำที่ ซึ่งจะติดตั้งไว้ในจุดสำคัญทั่วทั้งโรงงาน เมื่อนำเครื่องอ่านอาร์เอฟไอดี ระบบจัดการวัสดุ ระบบควบคุม และระบบซอฟต์แวร์ ชิ้นส่วนต่างๆ มาไว้ด้วยกันก็จะทำให้เกิดส่วนการผลิตที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติ และจะวัสดุต่างๆ จะได้รับการตรวจสอบก่อนที่จะมีการใช้งาน ซึ่งจะป้องกันความผิดพลาดในการกำหนดค่าและการประกอบได้  โดยแอพพลิเคชันป้องกันความผิดพลาดสามารถป้องกันการใช้งานที่ไม่เหมาะสมด้วยการแจ้งเตือนโดยอัตโนมัติในกรณีที่วัสดุใช้งานไม่ได้อยู่ตามลำดับ

.

แอพพลิเคชันฐานข้อมูลสามารถใช้ประโยชน์ข้อมูลที่อ่านจากอาร์เอฟไอดีได้โดยจะสร้างลำดับที่มาของผลิตภัณฑ์โดยสมบูรณ์ที่จะเก็บไว้ใน ID ที่ไม่ซ้ำกัน และข้อมูลการผลิตสำหรับส่วนประกอบและชิ้นส่วนต่างๆ ด้วยการบันทึกหมายเลขผลิตภัณฑ์ของอะไหล่และชิ้นส่วนแต่ละรายการเพื่อใช้ในการประกอบอย่างแม่นยำและเป็นไปโดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ผลิตสามารถระบุข้อมูลและค้นหาผลิตภัณฑ์ที่ต้องได้รับการปรับปรุงใหม่หรือเรียกคืนได้อย่างรวดเร็ว จะเห็นได้ว่าต้นทุนการเรียกคืนที่เกิดขึ้นโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1 ล้านดอลลาร์ต่อวัน ซึ่งถ้าผู้ผลิตสามารถระบุผลิตภัณฑ์ที่บกพร่องได้อย่างรวดเร็ว จะสามารถลดปัญหาตรงนี้ได้ และสามารถให้ผลตอบแทนการลงทุน (ROI) ได้อย่างเต็มที่เมื่อดำเนินการวางแผนติดตั้งระบบอาร์เอฟไอดีเพียงครั้งเดียว

 .

 .
แอพพลิเคชันเพิ่มเติม

โครงสร้างพื้นฐานอาร์เอฟไอดีที่สร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันความผิดพลาดสามารถสนับสนุนการดำเนินการที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติมได้หลายอย่าง ซึ่งรวมทั้งการทำให้เกิดระบบ Kanban (ส่วนหนึ่งของระบบ JIT), สอดคล้องกับกฎข้อบังคับ TREAD Act, การบริหารจัดการลานเก็บ, การส่งสินค้าผ่านคลัง, การนำออกจากที่เก็บและการจัดเก็บ, การจัดการสินค้าคงคลัง, การติดตามสินทรัพย์, การระบุตำแหน่งยานยนต์โดยอัตโนมัติ (AVL), การระบุข้อมูลตู้คอนเทนเนอร์ที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ และอื่นๆ ได้อย่างสมบูรณ์ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอพพลิเคชันจำนวนมากเหล่านี้และประโยชน์โดยละเอียด บริษัทอินเตอร์เมคได้อธิบายไว้ในส่วนรายงานและกรณีศึกษา (White Papers and Case Studies) ที่เว็บไซต์ www.intermec.com

.
โซลูชันอาร์เอฟไอดีเพื่อป้องกันความผิดพลาดของบริษัท อินเตอร์เมค

บริษัท อินเตอร์เมคมีผลิตภัณฑ์และคู่ค้าที่เป็นที่ยอมรับในด้านการนำแอพพลิเคชันป้องกันความผิดพลาดอย่างแม่นยำและดีเยี่ยมไปใช้ สายผลิตภัณฑ์ของอุปกรณ์อาร์เอฟไอดีเพื่ออุตสาหกรรมและคอมพิวเตอร์พกพาที่สมบูรณ์ของบริษัท อินเตอร์เมค ประกอบด้วย แท็ก Large Rigid (LR) และแท็ก Small Rigid (SR) ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการด้านการติดตามซัพพลายเชนและการผลิตได้ รวมทั้งเป็นไปตามมาตรฐานการใช้อาร์เอฟไอดีทั่วโลกอีกด้วย

.

แท็กที่ผลิตออกมาในหลายขนาดต่าง ๆ กันนี้ก็เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการระบุข้อมูลที่หลากหลาย แต่ก็สามารถใช้คุณลักษณะได้หลายอย่างร่วมกัน ซึ่งทำให้กลายเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับนำมาใช้ในกระบวนการผลิตรถยนต์และโลจิสติกส์ แท็กดังกล่าวผลิตด้วยพลาสติกที่ฝังอาร์เอฟไอดีไว้ด้านในทำให้สามารถป้องกันสิ่งรบกวน สารเคมี และใช้งานได้ในอุณหภูมิต่างๆ ตั้งแต่ 40-121 องศาเซลเซียส แท็กทำงานได้ดีไม่ว่าจะติดไว้กับวัสดุที่เป็นโลหะ ไม้ หรือพลาสติก และมีวิธีติดได้หลากหลาย

.

แท็กทั้งแบบ LR และ SR ผ่านมาตรฐาน ISO 18000-6B และ EPCglobal Gen 2 ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก โดยการใช้ได้กับมาตรฐานโลกนั้น หมายความว่า ส่วนประกอบต่างๆ ชิ้นส่วนสำเร็จ และตู้คอนเทนเนอร์ของระบบโลจิสติกส์ จะสามารถถูกติดตามได้ตลอดทั้งการกระบวนการผลิตและซัพพลายเชน โดยใช้แท็กเพียงชิ้นเดียวที่ไม่ต้องดึงออก นอกจากนี้ แท็กยังสามารถถูกตั้งโปรแกรมได้ซ้ำและนำมาใช้ซ้ำได้ ซึ่งเป็นการใช้งานได้อย่างคุ้มค่า โดยแท็กส่วนกลางที่สามารถใช้ซ้ำได้จะลดต้นทุนการนำอาร์เอฟไอดีไปใช้และเหมาะสมอย่างมากกับบริษัทที่กำลังพัฒนาแอพพลิเคชันป้องกันความผิดพลาด

.

บริษัท อินเตอร์เมค สนับสนุนผลิตภัณฑ์ในตระกูลแท็กอย่างสมบูรณ์พร้อมกับเครื่องอ่านอาร์เอฟไอดีที่ติดตั้งประจำที่ แบบติดตั้งกับยานพาหนะ และแบบพกพาที่ครอบคลุม ตลอดจนระบบจัดเก็บข้อมูลด้วยบาร์โค้ดและผลิตภัณฑ์เครือข่ายไร้สาย โดยบริษัท อินเตอร์เมคเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดีและการพัฒนามาตรฐานเนื่องจากประสบการณ์ในด้านการช่วยเหลือองค์กรเพื่อปรับใช้ระบบจัดเก็บข้อมูลอาร์เอฟไอดีได้อย่างสมบูรณ์

.

เยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทเพื่อร้บข้อมูลเกี่ยวกับกรณีศึกษาของผู้ใช้อาร์เอฟไอดีจากหลายอุตสาหกรรม และรายงานเพิมเติ่มเกี่ยวกับเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดีและหัวข้อการเก็บรวาบรวมข้อมูลอื่นๆ ได้ด้วยการทดลองใช้ RFID Online Assessment Tool (www.intermec.com/rfidassessment/) ซึ่งจะนำคุณเข้าสู่ระบบประเมินอย่างมีเป้าหมายเพื่อกำหนดว่าเทคโนโลยีที่ใช้อาร์เอฟไอดีนั้นเหมาะสมกับบริษัทของคุณอย่างไร บริษัท อินเตอร์เมคได้ช่วยบริษัทต่างๆ สร้างผลกำไรด้วยการใช้ประโยชน์เทคโนโลยีการเก็บรวบรวมข้อมูลมากว่า 35 ปี เยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทได้ที่ www.intermec.com เพื่อศึกษาเพิ่มเติมว่าบริษัท อินเตอร์เมค สามารถช่วยคุณจัดเตรียมระบบอาร์เอฟไอดีได้อย่างไร

.
บทสรุป

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีทำให้อาร์เอฟไอดีเป็นเครื่องมือที่จำเป็นต่อการตรวจหาและป้องกันความผิดพลาดในกระบวนการผลิต ลำดับขั้นตอน และโลจิสติกส์ โดยแท็ก Large Rigid และ Small Rigid ของบริษัท อินเตอร์เมค ทำให้ผู้ใช้สามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเมื่อนำแอพพลิเคชันการป้องกันความผิดพลาดแบบเวลาจริงและอัตโนมัติ ตลอดจนที่มีความแม่นยำสูงมาใช้งาน

.

โดยปัจจุบันมีการใช้งานระบบอาร์เอฟไอดีเพื่อแก้ปัญหาในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย สำหรับผู้ผลิตที่มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินนับล้านดอลลาร์เนื่องจากความผิดพลาดของมนุษย์นั้น ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงที่พวกเขาสามารถซื้อหาระบบป้องกันความผิดพลาดโดยใช้อาร์เอฟไอดีมาได้หรือไม่ แต่อยู่ตรงที่ว่าพวกเขาจะสามารถดำเนินการดังกล่าวอยู่ได้โดยที่ไม่มีระบบอาร์เอฟไอดีได้นานแค่ไหน