เนื้อหาวันที่ : 2008-06-16 16:11:35 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1159 views

พาณิชย์บุกอีสาน เผยโอกาสลงทุนในอินเดีย ตั้งหลักที่ขอนแก่น

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเดินสายบุกอีสานเริ่มต้นที่ขอนแก่น สร้างความรู้ ความเข้าใจตลาดอินเดียชี้ช่องทางเอฟทีเอ หวังกินรวบแดนตะลุยภารตะ ขุมทรัพย์การค้า เป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงอย่างต่อเนื่อง

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเดินสายสร้างความรู้ ความเข้าใจตลาดอินเดีย จัดสัมมนา "ตะลุยภารตะ ขุมทรัพย์การค้า" ล่าสุดบุกอีสาน ถ่ายทอดประสบการณ์ทำธุรกิจกับอินเดีย  ชี้การค้าปี 50 มีมูลค่ารวม 4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ เติบโต 38%  เตรียมจัดสัมมนาครั้งที่ 4 ที่จังหวัดจันทบุรี ในเดือนกรกฎาคม ศกนี้ ด้านผู้ว่า ฯ ขอนแก่นลั่นสัมมนาครั้งนี้ถือเป็นโอกาสให้นักธุรกิจขอนแก่น และอีสานได้เห็นตลาดและศักยภาพของอินเดีย พร้อมสนับสนุนเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป

.

นายชนะ คณารัตนดิลก รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

.

นายชนะ คณารัตนดิลก รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่ากรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้จัดสัมมนาเชิงวิชาการเรื่อง ตะลุยภารตะ ขุมทรัพย์การค้า โดยการสัมมนานี้จัดทั่วประเทศ และครั้งล่าสุดจัดที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งการสัมมนาครั้งนี้เป้าหมายเพื่อถ่ายทอดความรู้ และประสบการณ์ในการทำธุรกิจกับอินเดีย

.

อินเดียเป็นตลาดที่มีศักยภาพและมีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงอย่างต่อเนื่องไม่ต่ำกว่าร้อยละ  8 ต่อปี นอกจากนี้อินเดียถือเป็นตลาดใหม่ที่กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญในการวางยุทธศาสตร์เพื่อขยายการค้าด้วยประชากรกว่า 1,100 ล้านคน และมีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้อินเดียเป็นตลาดที่จับตามองของหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย

.

"กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศในฐานะผู้รับผิดชอบเจรจาการค้าระหว่าวประเทศ มีหน้าที่เปิดประตูเจรจาลดอุปสรรคทางการค้า เพื่อเป็นช่องทางขยายการค้า และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทย มีการสร้างความเข้าใจ และการตระหนักรู้ด้วยการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลเพื่อให้ภาคเอกชน ผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จากการเปิดเสรีการค้าสินค้าให้มากที่สุด "

.

ปัจจุบันนี้ไทย-อินเดีย ได้เปิดเสรี FTA การค้าสินค้าไปแล้วสำหรับกลุ่มแรกจำนวน 82 รายการ และยกเลิกภาษีไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2549 ซึ่งมูลค่าการค้ารวมไทย-อินเดียนับแต่ปี 2547 ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยในปี 2550 มีมูลค่าการค้ารวม 4.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 38% จากปี 2549 โดยไทยได้เปรียบดุลการค้ากว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ และสินค้าในกลุ่ม 82 รายการในปี 2550 นั้นมีมูลค่ารวม 451 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 9.5% ของการค้ารวม ซึ่งมูลค่าการค้าดังกล่าวถือเป็นสัญญานที่ดีว่าการค้าระหว่างสองประเทศเริ่มขยายตัวหลังจากมีการใช้ประโยชน์จากการลดภาษีสินค้า" นายชนะกล่าว

.

นายชนะกล่าวต่อไปว่าเมื่อเทียบปริมาณการค้ากับอินเดียในกลุ่มประเทศอาเซียนนับว่าสัดส่วนการค้าของไทยยังน้อยอยู่ และมีโอกาสที่จะสามารถขยายมูลค่าการค้าระหว่างกันให้เพิ่มขึ้นได้ ปัจจุบันประเทศที่อินเดียนำเข้าสูงคือ จีน 7.3% รองลงมาคือ สหรัฐอเมริกา ขณะที่ประเทศในกลุ่มอาเซียนนั้นประเทศที่อินเดียนำเข้าสูงสุดคือ สิงคโปร์ 2.2% มาเลเซียน 2% และไทย 0.8%

.
ไทยมีสัดส่วนการค้าต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน แสดงให้เห็นว่าโอกาสของไทยในการขยายตลาดอินเดียมีอยู่มาก ซึ่งกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจะยังคงเดินหน้าจัดสัมมาเพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับตลาดอินเดีย และใช้ประโยชน์จาก FTA ไทย-อินเดีย-อาเซียน อย่างต่อเนื่อง โดยจะจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ในเดือนกรกฎาคม 2551 ที่จังหวัดจันทบุรี สนใจติดต่อสอบถาม และสำรองที่นั่งได้ที่ 02-704-7958 ต่อ 201-209
.

นายเจตน์ ธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นในฐานะประธานเปิดงานสัมมนากล่าวถึงการสัมมนาในครั้งนี้ว่าจังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดขนาดใหญ่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยจำนวนประชากรที่สูงถึง 1,700,000 คน และด้วยจุดยุทธศาสตร์ที่อยู่ตรงกลางระหว่างจีนกับอินเดีย และมีถนนมิตรภาพตัดกับ East-West Economic Corridor เชื่อมอินโดจีนและจีนตอนใต้ ทำให้ขอนแก่นเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมในเส้นทางโลจิสติกส์ และ บุคลากร

.

กอปรกับภาครัฐมีนโยบายผลักดันและส่งเสริมให้ขอนแก่นเป็นซอฟท์แวร์ปาร์ค หรือนครเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ทำให้ขอนแก่นจะกลายเป็นเมืองยุทธศาสตร์ในการพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือต่อไปในอนาคต ซึ่งการสัมมนาครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสให้นักธุรกิจ และผู้ประกอบการขอนแก่น และจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้มีโอกาสเห็นตลาดและศักยภาพของตลาดอินเดีย ซึ่งทางจังหวัดพร้อมให้ความร่วมมือ และสนับสนุนเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป