เนื้อหาวันที่ : 2008-06-09 17:05:07 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2822 views

บ้านปูฯ ขยายธุรกิจถ่านหินในประเทศจีน เข้าซื้อหุ้นของ บริษัท AACI

บ้านปู เพิ่มปริมาณสำรองถ่านหินในจีนอีก 107 ล้านตันด้วยการเข้าซื้อหุ้นของ บริษัท AACI เพิ่มอีกร้อยละ 78 ในราคาประมาณ 420 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่มีกำลังผลิตปีละ 4 ล้านตัน และในโครงการเหมืองถ่านหินที่มีกำลังการผลิตละ 6 ล้านตัน

บ้านปู  เพิ่มปริมาณสำรองถ่านหินในจีนอีก 107 ล้านตันด้วยการเข้าซื้อหุ้นของ บริษัท AACI เพิ่มอีกร้อยละ 78 ในราคาประมาณ 420 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้บริษัท AACI ถือหุ้นในเหมือง ถ่านหินที่มีกำลังผลิตปีละ 4 ล้านตัน และในโครงการเหมืองถ่านหินที่มีกำลังการผลิตละ 6 ล้านตันในมณฑลซานซี

.

บริษัท BP Overseas Development Company Limited (BPOD) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ที่บริษัทบ้านปูฯ ถือหุ้นร้อยละ 100 ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด ได้ลงนามในสัญญาซื้อหุ้นในบริษัท Asian American Coal Inc. หรือ AACI เพิ่มอีกร้อยละ 78.4 โดยมีมูลค่าการซื้อขายประมาณ 420 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 13,800 ล้านบาท

.

ก่อนหน้านี้ บริษัท BPOD ถือหุ้นในบริษัท AACI ร้อยละ 21.6 และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รายหนึ่งของ AACI มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 เป็นต้นมา และจากการเข้าซื้อหุ้นในครั้งนี้ทำให้บริษัท BPOD ถือหุ้นใน AACI ร้อยละ 100 โดยเงินทุนที่ใช้ในการซื้อหุ้นในครั้งนี้จะเป็นเงินที่บ้านปูฯ ให้บริษัท BPOD กู้ยืม ซึ่งแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่จะมาจากการกู้ยืม สำหรับผู้ขายหุ้นของ AACI นั้นส่วนใหญ่เป็นกองทุนส่วนบุคคล (Private equity funds) และนักลงทุนจากสหรัฐอเมริกา

.

บริษัท AACI เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศ British Virgin Islands และถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนธุรกิจถ่านหินในประเทศจีน 2 แห่ง โดยถือหุ้นร้อยละ 56 ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดในบริษัท SHANXI ASIAN AMERICAN-DANING ENERGY CO., LTD. (SAADEC) และถือหุ้นร้อยละ 45 ของหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดในบริษัท SHANXI GAOHE ENERGY COMPANY LTD. (SGEC) ทั้งนี้หุ้นส่วนทางธุรกิจที่สำคัญของ AACI จะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการเหมืองถ่านหินในประเทศจีน คือ Shanxi Lanhua Sci-Tech Venture Co

.

ซึ่งเป็นหุ้นส่วนในบริษัท SAADEC และ Shanxi Lu’an Mining group ในบริษัท SGEC บริษัทร่วมทุนทั้ง 2 แห่งนี้ได้รับสัมปทานการผลิตถ่านหินในบริเวณตอนใต้ของมณฑลซานซีในสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมณฑลซานซีจัดว่าเป็นแหล่งผลิตถ่านหินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน โดยมีกำลังผลิตประมาณ 1 ใน 3 ของกำลังการผลิตทั้งประเทศ

.

บริษัท SAADEC ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2543 และได้เริ่มก่อสร้างเหมืองต้าหนิงในปีเดียวกัน บริษัท SAADEC ได้เริ่มดำเนินการผลิตถ่านหินครั้งแรกในปี พ.ศ. 2548 และได้นำเทคโนโลยี Longwall มาใช้ในการทำเหมืองถ่านหินใต้ดินในปี พ.ศ. 2549 สำหรับปริมาณการผลิต (run-of-mine production) ของเหมืองต้าหนิงในปี พ.ศ. 2550 อยู่ที่ประมาณ 3.1 ล้านตัน และมีเป้าหมายการผลิต (ก่อนการล้าง) ที่ 3.8 ล้านตันในปี พ.ศ. 2551 โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2551 เหมืองต้าหนิงมีการผลิตถ่านอยู่ที่ประมาณ 1.1 ล้านตัน เป็นถ่านหินประเภทแอนทราไซท์ ซึ่งถ่านหินประเภท Lump Coal นั้นจะขายให้กับลูกค้าในอุตสาหกรรมปุ๋ยเคมี ในขณะที่ถ่านหินประเภทให้ความร้อน (Thermal Coal) จะขายให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าที่ตั้งอยู่ในมณฑลซานซีและมณฑลใกล้เคียง

.

ในปี 2551นี้ คาดว่าเหมืองต้าหนิงจะสามารถผลิตถ่านหินพร้อมจำหน่าย(หลังการล้างแล้ว)ได้ประมาณ 3.2 ล้านตัน ประกอบด้วยถ่านหินประเภทให้ความร้อน1.8 ล้านตัน และประเภท Lump Coal จำนวน 1.4 ล้านตัน โดยราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของเหมืองต้าหนิงในไตรมาสแรกที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 450 หยวนต่อตัน เทียบกับ 295 หยวนต่อตันในไตรมาสเดียวกันของปี 2550 ส่วนราคาขายถ่านหินเฉลี่ยในเดือนเมษายนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นเป็น 555 หยวนต่อตัน ปัจจุบันบริษัท SAADEC มีปริมาณสำรองถ่านหิน (coal reserves) 88 ล้านตันและมีปริมาณถ่านหินทั้งหมดที่ประเมินได้ (coal resources) จำนวน 147 ล้านตัน (จากรายงานของ Marshall Miller & Associates เดือน มิถุนายน พ.ศ. 2550)

.

สำหรับบริษัท SGEC นั้น ก่อตั้งขึ้นโดย AACI ร่วมกับ Shanxi Lu’an Mining group ในปี พ.ศ. 2548 เพื่อพัฒนาเหมืองเกาเหอ (Gaohe) โดยมีปริมาณสำรองถ่านหิน (coal reserves) ประเภทเซมิ แอนทราไซท์ จำนวน 191 ล้านตัน และปริมาณถ่านหินทั้งหมดที่ประเมินได้ (coal resources) จำนวน 312 ล้านตัน (จากรายงานของ Marshall Miller & Associates เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2549) บริษัท SGEC ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจ (Business License) ในปี พ.ศ. 2549 ขณะนี้เหมืองเกาเหอกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างโดยคาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตถ่านหินได้ ภายในปี พ . ศ . 2553 และจะสามารถผลิตถ่านหินเต็มกำลังผลิตปีละ 6 ล้านตันได้ภายในปี พ.ศ. 2556 ซึ่งถ่านหินประเภทให้ความร้อนจะขายให้กับอุตสาหกรรมไฟฟ้า ในขณะที่ถ่านหินประเภท Pulverized Coal Injection (PCI) จะขายให้กับอุตสาหกรรมเหล็ก

.

งบการเงินของบริษัท AACI มีการรายงานเป็นสกุลเงินเหรียญสหรัฐ โดยใช้มาตรฐาน IFRS (International Financial Reporting Standard) ซึ่งรับรู้งบการเงินของบริษัท SAADEC และบริษัท SGEC ตามสัดส่วนของการถือหุ้น ทั้งนี้ในปี พ.ศ. 2550 ที่ผ่านมา AACI รายได้รวมทั้งสิ้น 66.1 ล้านเหรียญสหรัฐ มีกำไรจากการดำเนินงานก่อน

.

ดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย ( EBITDA) จำนวน 18.6 ล้านเหรียญสหรัฐ และกำไรสุทธิหลังหักภาษีจำนวน 8.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ในรอบ 4 เดือนแรกของปีนี้ AACI มีรายได้รวม ( ก่อนการตรวจสอบบัญชี ) จำนวนทั้งสิ้น 39.5 ล้านเหรียญสหรัฐ และ EBITDA จำนวน17.8 ล้านเหรียญสหรัฐ มีกำไรสุทธิหลังหักภาษีจำนวน 14.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หนี้สินรวมสุทธิของ AACI สิ้นสุด ณ เดือนเมษายน พ.ศ. 2551 อยู่ที่ 58.5 ล้านเหรียญสหรัฐ

.

ส่วนรายได้ (ก่อนการตรวจสอบบัญชี ) ของบริษัท SAADEC ในรอบสี่เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 68.1 ล้านเหรียญสหรัฐ มี EBITDA จำนวน 35 ล้านเหรียญสหรัฐ และกำไรสุทธิหลังหักภาษี 28.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ ค่าใช้จ่ายในการลงทุนทั้งหมดของเหมืองเกาเหอ อยู่ที่ประมาณ 3,150 ล้านหยวน หรือประมาณ 450 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ 1 ใน 3 ของค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้มีการจ่ายไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนเงินลงทุนในส่วนที่เหลือนั้น คาดว่า ร้อยละ 65 จะมาจากเงินกู้โครงการ

.

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปูฯ กล่าวว่า "เรา (บ้านปูฯ ) ได้ถือหุ้นในบริษัท AACI มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 และมีความคุ้นเคยกับสินทรัพย์ของ AACI เป็นอย่างดี เราได้พิจารณาและกำหนดแล้วว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ AACI ในส่วนไหนบ้างในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่งเหมืองต้าหนิงนั้นเป็นตัวอย่างที่แสดงถึงโอกาสที่ดีในการเข้าครอบครองเหมืองถ่านหินขนาดกลางในประเทศจีน

.

ส่วนเหมืองเกาเหอนั้นเป็นโครงการที่มีการเติบโตที่ดี โดยเมื่อมองในเชิงกลยุทธ์แล้ว การเข้าครอบครองบริษัท AACI นั้นเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจถ่านหินของบ้านปูฯ ในประเทศจีน และเป็นการตอกย้ำภาพที่ชัดเจนในการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจในประเทศจีนเพื่อเป็นฐานการผลิตแห่งที่สามของบ้านปูฯต่อไป"