เนื้อหาวันที่ : 2008-06-03 16:23:08 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2047 views

กลุ่มโรงกลั่นดักคอไม่ขยายเวลาลดราคาดีเซล อ้างกำไรไม่สูงอย่างที่คิด

โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ออกโรงสวนกลับไม่ได้มีกำไรสูงถึง 2 แสนล้านบาทในปี 50 แต่มีผลกำไรเพียง 5.4 หมื่นล้านบาท และยิ่งคิดเป็นค่าการกลั่นต่อหน่วยก็ไม่ได้สูงมากนัก จะให้ความช่วยเหลือประกอบการด้วยการลดราคาน้ำมัน 3 บาท/ลิตร ในระยะเวลาจำกัดเพียง 6 เดือนเท่านั้น

ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม กล่าวว่า กลุ่มโรงกลั่นน้ำมันไม่ได้มีกำไรสูงถึง 2 แสนล้านบาทในปี 50 แต่มีผลกำไรเพียง 5.4 หมื่นล้านบาท และยิ่งคิดเป็นค่าการกลั่นต่อหน่วยก็ไม่ได้สูงมากนัก ดังนั้น การให้ความช่วยเหลือด้วยการลดราคาน้ำมัน 3 บาท/ลิตรให้กับผู้ประกอบการบางกลุ่ม จึงสามารถดำเนินการได้ในระยะเวลาจำกัดเพียง 6 เดือนเท่านั้น 

.

"ผลกำไรของกลุ่มโรงกลั่นในปี 50 ทีผ่านมามีจำนวน 5.4 หมื่นล้านบาท ไม่ใช่ 2 แสนล้านบาทอย่างที่ปรากฎในรายการสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง  เพราะเป็นการคำนวนรวมธุรกิจอื่นไปด้วยและมีการนับซ้ำซ้อนด้วย กำไรจากการกลั่นมาจาผลต่างจากราคาสำเร็จรูปกับน้ำมันดิบ ไม่ใช่ราคาขายดีเซลกับน้ำมันดิบ และราคาโรงกลั่นไม่ได้เป็นผู้กำหนดเอง แต่กำหนดตามราคาตลาดโลก" นายชายน้อย  เผื่อนโกสุม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น(PTTAR) ในฐานะประธานกลุ่มฯ กล่าว

.

นายชายน้อย กล่าวว่า กลุ่มโรงกลั่นในประเทศมีกำไรขั้นต้นจากการกลั่นน้ำมัน หรือ ค่าการกลั่น ในเดือนพ.ค. 51 เฉลี่ยอยู่ที่ 1.10 บาทต่อลิตร หรือ 5.4 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล  ขณะที่ค่าการกลั่นเฉลี่ยในปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 6 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อหักลบค่าใช้จ่ายและภาษี รวมทั้งการส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและกองทุนอนุรักษ์พลังงาน  มีกำไรสุทธิจากการกลั่น อยู่ที่ 0.36 บาทต่อลิตร หรือประมาณ 1.08 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล      

.

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันในประเทศมีทั้งหมด 7 แห่ง ประกอบด้วย บมจ.ไทยออยล์ (TOP) , บมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) , บมจ. ไออาร์พีซี (IRPC), บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR), บมจ. เอสโซ่ (ประเทศไทย) หรือ ESSO  บมจ. สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) และบมจ. ปตท. (PTT)

.

สำหรับแนวโน้มธุรกิจ ในปีนี้ คาดว่ายังมีทิศทางที่ดี เนื่องจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง และความต้องการใช้ของทั่วโลกสูงขึ้น ประมาณ 85.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยเฉพาะจีน อินเดียและตะวันออกกลาง ที่มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการใช้ในแต่ละปี เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน และในระยะยาวยังเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ส่วนธุรกิจโรงกลั่นในประเทศ จะมีการก่อสร้างโรงกลั่นแห่งที่ 8 หรือไม่ จะขึ้นอยู่กับความต้องการใช้ในประเทศเป็นหลัก รวมทั้งความคุ้มค่าในการลงทุน

.

นายชายน้อย กล่าวว่า การที่กลุ่มโรงกลั่นในเครือปตท.ให้ส่วนลดน้ำมันดีเซล  3 บาท/ลิตรกับภาคธุรกิจขนส่งสาธารณ ประมงและเกษตร เป็นระยะเวลา 6 เดือน(มิ.ย.-พ.ย.)รวมจำนวน 122 ล้านลิตร/เดือน ไม่ใช่เกิดจากภาครัฐเข้าแทรกแซง แต่ทางกลุ่มเห็นว่าการให้ส่วนลดครั้งนี้จะส่งผลดีต่อธุรกิจในระยะยาว ที่ความต้องการดีเซลยังมีต่อเนื่อง 

.

ประกอบกับให้เวลาผู้ประกอบการปรับตัว ในการปรับเปลี่ยนมาใช้ก๊าซเอ็นจีวี หรือ แอลพีจี  และในส่วนกลุ่มปตท.ก็ไม่ได้กระทบมาก  นอกจากนี้ โรงกลั่น เอสโซ่ และ SPRC กำลังพิจารณาปรับลดราคาดีเซลให้กับภาคธุรกิจดังกล่าวด้วย  อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มโรงกลั่นในกลุ่มปตท.ยังไม่มีแผนจะช่วยมากกว่านี้

.

ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลก คาดว่ายังทรงตัวอยู่ในระดับสูง เนื่องจากความต้องการใช้ในประเทศจีนอยู่ในระดับสูง จนกว่าจะสิ้นสุดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิค โดยเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เฉลี่ยในปีนี้ จะสูงกว่าปีที่ผ่านมา ที่อยู่ในระดับ 68-70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยคาดว่าครึ่งปีหลังจะอยู่ที่ประมาณ 100-110 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล