เนื้อหาวันที่ : 2008-05-06 09:12:27 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1651 views

แอมเพิลไลท์ ขึ้นแท่นผู้ผลิตหลังคาและผนังโปร่งแสงคุณภาพอันดับหนึ่งเอเซีย ขยายโรงงานเพิ่มการผลิต

แอมเพิลไลท์ ไฟเบอร์กลาส (ประเทศไทย) เดินหน้าขยายโรงงาน เพิ่มกำลังการผลิตเต็มที่ หลังได้รับ อานิสงค์จากเติบโตของภาคอุสาหกรรมและที่อยู่อาศัยในเอเชียโต ส่งผลยอดออร์เดอร์พุ่ง พร้อมทั้งขึ้นแท่นเป็นเบอร์หนึ่งผู้ผลิตหลังคาและผนังโปร่งแสงในภูมิภาคเอเชีย

.

แอมเพิลไลท์ ไฟเบอร์กลาส (ประเทศไทย) เดินหน้าขยายโรงงาน เพิ่มกำลังการผลิตเต็มที่ หลังได้รับ อานิสงค์จากเติบโตของภาคอุสาหกรรมและที่อยู่อาศัยในเอเชียโต ส่งผลยอดออร์เดอร์พุ่ง พร้อมทั้งขึ้นแท่นเป็นเบอร์หนึ่งผู้ผลิตหลังคาและผนังโปร่งแสงในภูมิภาคเอเชีย

.

นายชัย มนูญพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอมเพิลไลท์ ไฟเบอร์กลาส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายหลังคาและผนังโปร่งแสงคุณภาพสูง กล่าวถึงความร่วมมือในการเสริมสร้างศักยภาพและการผลักดันให้บริษัทฯ ก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตหลังคาโปร่งและผนังโปร่งแสงอันดับหนึ่งของเอเชียว่า บริษัท แอมเพิลไลท์ไฟเบอร์กลาส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นการร่วมทุนระหว่างนักลงทุนไทย กับ บริษัท แอมเพิลไลท์ ออสเตเลีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลังคาและผนังโปร่งแสงอันดับหนึ่งของออสเตรเลีย

.

ซึ่งจากการเติบโตของภาคอุสาหกรรมและที่อยู่อาศัยในภูมิภาคเอเชีย ทำให้มีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทหลังคาและผนังโปร่งแสงเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นเพื่อความสะดวกในการตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าในภูมิภาคนี้ จึงมีการส่งเสริมให้ไทยเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ แม้ว่าปัจจุบันบริษัทฯ จะมีความสามารถในการผลิตหลังคาและผนังโปร่งแสงคุณภาพสูงถึงกว่าปีละ 2 ล้านเมตร แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้า ทำให้ต้องมีการเร่งขยายโรงงาน และเพิ่มกำลังการผลิต

.

โดยคาดว่าเมื่อเสร็จแล้วจะมีกำลังการผลิตสูงขึ้นเป็น 4 ล้านเมตร / ต่อปี ด้านสัดส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ นั้น แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 70 เปอร์เซ็นต์ และตลาดต่างประเทศ 30 เปอร์เซ็นต์ โดยส่งไปจำหน่ายในหลายประเทศ อาทิ เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา ฮ่องกง ศรีลังกา อินเดีย ปากีสถาน ฯลฯ โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นเจ้าของโรงงาน หรือ อาคารคุณภาพสูง วิศวกร สถาปนิก

.

ซึ่งจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ แอมเพิลไลท์ ที่ทำให้เป็นที่ยอมรับในเรื่องคุณภาพจากกลุ่มลูกค้านั้น นอกจากจะเป็นคุณสมบัติในการกระจายแสงและสะท้อนความร้อนได้ดีกว่าผลิตภัณฑ์ผนังและหลังคาโปร่งแสงทั่วไปในตลาดแล้ว ยังได้รับการยอมรับในเรื่องการนำเทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัยมาใช้ในการผลิต ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง ทำให้มีความทนทานและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า ทั้งยังมีการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานก่อนส่งมอบงานแก่ลูกค้าทุกครั้ง

 

.

นายชัย มนูญพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

บริษัท แอมเพิลไลท์ ไฟเบอร์กลาส (ประเทศไทย) จำกัด

.

มาตรฐานดังกล่าวเป็นมาตรฐาน AS 4256.3:2006 License No. SMKB20629 จาก SAI Global สถาบันรับรองมาตรฐานจากรัฐบาลออสเตรเลีย นับว่า แอมเพิลไลท์ เป็นผู้ผลิตรายแรกและรายเดียวของเอเชียที่ได้รับมาตรฐานสำคัญนี้ สำหรับผลิตภัณฑ์ของ แอมเพิลไลท์ สามารถแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มงานอุตสาหกรรม และ กลุ่มบ้านที่อยู่อาศัย ซึ่งในกลุ่มงานอุตสาหกรรมนั้นจำเป็นต้องมีความหลากหลายตามวัตถุประสงค์การใช้งาน

.

โดยอาคารที่ต้องการความปลอดภัยสูง และต้องรองรับน้ำหนังบนแผ่นหลังคาได้มาก ควรใช้ผลิตภัณฑ์รุ่น เว็บกลาส (Webglas) ที่ผลิตจากใยถักประสานชนิดพิเศษ แอมเพิลไลท์ เว็บ แม็ท(Ampelite Web Matt) ซึ่งมีคุณสมบัติเสริมความแข็งแรงได้มากกว่าใยแก้วทั่วไป และมีการเคลือบผิวด้วย แม็กซิล ชีลด์ (Maxil) Shield ที่ช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้นเป็นพิเศษ แต่หากเป็นอาคารที่ต้องการลดความร้อนที่เข้ามาภายในอาคาร ขณะที่ยอมให้แสงสว่างผ่านเข้ามาในอาคารได้ ก็สามารถเลือกใช้ได้ทั้งรุ่น คูลไลท์ ซูปรา (Cool-Lite Supra)

.

และหากเป็นอาคารที่ต้องการให้แสงสว่างผ่านเข้าสู่ในอาคารและต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีอายุยาวนานพิเศษ ก็สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์รุ่น ซูปรากลาส (SupraGlas), ซีเล็ค เอ็กซตร้า (Sealex Extra) และรุ่น ท็อปไลท์ พลัส (TopLite Plus) หากใช้สำหรับบ้านที่อยู่อาศัย เน้นเรื่องความสวยงาม ดัดโค้งได้ดี มีสีสันเหมาะกับโทนสีและการออกแบบบ้าน ให้แสงที่สบายตา สามารถระบายน้ำได้ดี ก็ควรเลือก กันสาด ดีไลท์ (D-Lite) ส่วนแผนการตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในปีนี้ จะเน้นในเรื่องของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด เพื่อเพิ่มทางเลือกในการใช้งานให้กับกลุ่มลูกค้ามากขึ้น

.

โดยต้องตอบสนองแนวคิดด้านการประหยัดพลังงาน ความปลอดภัย และลดปัญหาภาวะโลกร้อน ซึ่งหนึ่งในคุณสมบัติที่สำคัญก็คือ ต้องสามารถลดความร้อนที่เข้าสู่ตัวอาคารได้มาก ขณะที่ยังให้ปริมาณแสงสว่างได้ในระดับสูง ด้านผลกระทบของปัญหาราคาน้ำมันและความผันผวนของค่าเงินบาทที่ส่งผลในหลายกลุ่มธุรกิจนั้น นายชัย มนูญพงศ์ กล่าวว่า ปัญหาดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของทุกตลาด และยังส่งผลต่อต้นทุนในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบ ค่าบริการขนส่ง และค่าบริการอื่นๆ ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

.

ทางบริษัทฯ ได้มีการจัดการหาแนวทางรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการบริหารต้นทุนการผลิตและการบริการให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด แต่บริษัทฯ ยังคงงบประมาณในส่วนของโปรแกรมส่งเสริมการขาย การประชาสัมพันธ์ รวมถึงการให้สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์กับกลุ่มเป้าหมายไว้เช่นเดิม เนื่องจากกิจกรรมเหล่านี้มีส่วนสำคัญและจะส่งผลต่อการเติบโตของตลาดหลังคาและผนังโปร่งแสงในอนาคต