ทีเอ็นที เดินเกมบุกตลาดให้บริการขนส่งพัสดุด่วนที่แตกต่างหวังก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำในการให้บริการขนส่งพัสดุด่วนภายในประเทศระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย และยุโรป ในตลาดที่กำลังมีการเติบโตทุ่มเม็ดเงินเกือบ 5000 ล้านบาท ให้บริการกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีชั้นสูง อุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องจักร และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพที่เริ่มมีความต้องการ

ทีเอ็นที เปิดเผยถึงแผนการดำเนินงานและการลงทุนด้วยเม็ดเงินจำนวนกว่า 100 ล้านยูโร (ประมาณ 4,995 ล้านบาท) สำหรับการพัฒนาบริษัทฯ ในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายการให้บริการ การเชื่อมต่อของเครือข่าย และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทีเอ็นทีมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำด้วยการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่กำลังมีความต้องการที่จะขนส่งพัสดุด่วนขนาดใหญ่หรือพัสดุที่มีน้ำหนักมากเป็นพิเศษ ระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศจีน และยุโรป

โดยกลุ่มลูกค้าหลักที่มีความต้องการบริการพิเศษนี้จะมาจากกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจประเภทเทคโนโลยีชั้นสูง อุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องจักร และผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพที่เริ่มมีความต้องการ ที่จะส่งพัสดุขนาดใหญ่หรือที่มีน้ำหนักพิเศษที่มีมูลค่าสูงจำนวนมากระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศจีน และยุโรป

เจมส์ แมคคอร์แมค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของทีเอ็นที เอ็กซเพรส กล่าวว่า "ในฐานะผู้นำตลาดในทวีปยุโรป และผู้ให้บริการขนส่งพัสดุด่วนที่มีเครือข่ายการขนส่งที่แข็งแกร่งมากที่สุดภายในประเทศจีน ทีเอ็นที สามารถให้บริการขนส่งพัสดุด่วนที่สามารถสร้างความแตกต่างให้กับลูกค้าได้ โดยทีเอ็นทีมีเป้าหมายในการดำเนินงานเพื่อก้าวสู่ตำแหน่งผู้นำในการให้บริการขนส่งพัสดุด่วนภายในประเทศระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย และยุโรป 

ออนโน บู้ทส์ กรรมการผู้จัดการ ทีเอ็นที ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า "เรามีความภาคภูมิใจที่สามารถเปิดให้บริการการขนส่งพัสดุด่วนแก่ลูกค้าในหลากหลายประเภท และในขณะเดียวกัน ทีเอ็นที ยังได้มีการเติบโตและพัฒนาขึ้นจนเป็นที่ยอมรับในฐานะของผู้นำในการให้โซลูชันที่มีนวัตกรรมในการให้บริการขนส่งพัสดุด่วนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับสุขภาพ อุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีชั้นสูง อุปกรณ์เครื่องมือและเครื่องจักรต่างๆ

เนื่องจากลูกค้าในภูมิภาคนี้มีความต้องการขนส่งพัสดุขนาดใหญ่จากเอเชียไปยังยุโรปมากขึ้นในปัจจุบัน แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ยังต้องการการบริการที่มีคุณภาพ มีการติดต่อที่สะดวก ชัดเจน และสามารถไว้วางใจได้ในทุกขั้นตอนของการขนส่งพัสดุ โดยที่ทีเอ็นทีสามารถให้บริการที่กล่าวมานั้นได้"

ศูนย์กลางการกระจายสินค้าประจำภูมิภาคของทีเอ็นที ในประเทศสิงคโปร์ จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการเชื่อมต่อให้กับทวีปยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศจีน ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงช่องทางการค้าที่สำคัญระหว่างภูมิภาคเหล่านั้น จากการศึกษาข้อมูลเชิงพาณิชย์ ทีเอ็นที พบว่าประเทศจีนเป็นหนึ่งในประเทศคู่ค้าของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ใหญ่ที่สุด

โดยมีจำนวนการขนส่งด่วนทางอากาศจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 24 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่มูลค่าทางการค้ากับทวีปยุโรปคิดเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ และมีการค้าภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มูลค่าประมาณ 11 เปอร์เซ็นต์ ส่วนการขนส่งทางอากาศภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีมูลค่าการส่งสินค้าประเภทเทคโนโลยีชั้นสูงจำนวนสูงถึง 76 เปอร์เซ็นต์ ของมูลค่าทางการค้าทั้งหมด

จากผลการสำรวจเกี่ยวกับสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยในปี 2550* ประเทศจีนเป็นคู่ค้าอันดับที่ 3 ของประเทศไทย ด้วยมูลค่าการค้าในตลาดประมาณ 1,233 ล้านยูโร (ประมาณ 61,625 ล้านบาท) โดยมีการเติบโตกว่า 26.5% เปอร์เซ็นต์ ในขณะทีการค้าระหว่างประเทศไทยกับยุโรปมีมูลค่าประมาณ 12,395 ล้านยูโร (ประมาณ 619,180 ล้านบาท)

โดยมีการเติบโตกว่า 16% เปอร์เซ็นต์ ซึ่งการที่ประเทศไทยตั้งอยู่ใกล้กับประเทศสิงคโปร์ และมีเครือข่ายการขนส่งทั้งทางอากาศและทางบก ผ่านทางเครือข่ายการขนส่งทางถนนสายเอเชียของทีเอ็นที นับว่าเป็นข้อดีที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และความสามารถให้กับธุรกิจการส่งออกจากประเทศไทยไปยังจีน และยุโรปได้เป็นอย่างดี

นอกจากนั้น เครือข่ายการขนส่งทางถนนสายเอเชียของทีเอ็นที ซึ่งเชื่อมต่อกว่า 120 เมือง ในประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ไทย เวียดนาม และจีน ยังช่วยเพิ่มศักยภาพของเครือข่ายการขนส่งทางอากาศเพื่อให้ทีเอ็นทีสามารถเปิดให้บริการขนส่งพัสดุได้ในหลากหลายประเทศและหลากหลายรูปแบบให้กับลูกค้าแบบครบวงจร

รวมถึงสามารถสร้างโซลูชันในการขนส่งพัสดุที่มีน้ำหนักมากเป็นพิเศษ หรือมีมูลค่าสูงด้วยเช่นกัน และด้วยความแข็งแกร่งของเส้นทางเครือข่ายการขนส่ง ทีเอ็นที จึงสามารถเปิดให้บริการขนส่งพัสดุที่มีขนาดใหญ่ หรือมีพัสดุทีมีน้ำหนักมากเป็นพิเศษระหว่างเมืองหลักๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปยังประเทศจีนได้ภายในระยะเวลาประมาณ 48 ชั่วโมง และใช้เวลาเพียงแค่ 1 วัน สำหรับการขนส่งไปยังทวีปยุโรป