เนื้อหาวันที่ : 2008-04-08 10:15:11 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1475 views

อินเทล เปิดตัวเน็ตบุ๊กที่เป็นคลาสเมทพีซี รุ่น 2 ที่ใช้ชิปอินเทลป้อนตลาดโลก

อินเทล คอร์ปอเรชั่น เปิดตัวคลาสเมทพีซี ดีไซน์ใหม่ที่ใช้ชิปอินเทล เป็นพีซีที่ใช้ง่าย ใช้งานแบบไร้สายได้ แบตเตอร์ใช้ได้นานขึ้น คีย์บอร์ดกันน้ำได้ และมีระบบป้องกันการหยุดชะงักของเครื่องที่ดีขึ้นในกรณีเครื่องตกกระแทก อินเทลเรียกพีซีประเภทนี้ว่า "เน็ตบุ๊ก"

.

อินเทล คอร์ปอเรชัน ประกาศเปิดตัวคลาสเมทพีซี ดีไซน์ใหม่ที่ใช้ชิปอินเทล เป็นพีซีที่ใช้ง่าย ใช้งานแบบไร้สายได้ แบตเตอร์ใช้ได้นานขึ้น คีย์บอร์ดกันน้ำได้ และมีระบบป้องกันการหยุดชะงักของเครื่องที่ดีขึ้นในกรณีเครื่องตกกระแทก โดยอินเทลเรียกพีซีประเภทนี้ว่า "เน็ตบุ๊ก"   

.

อินเทล คอร์ปอเรชัน ประกาศเปิดตัวคลาสเมทพีซี (Classmate PC) ดีไซน์ใหม่ที่ใช้ชิปอินเทล โดยมี แอนดรูว์ เฉียน รองประธานกลุ่ม คอร์ปอเรท เทคโนโลยี ของอินเทล และผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยอินเทล นำคลาสเมทพีซีรุ่นที่สองมาเผยโฉมในงานไอดีเอฟที่เซี่ยงไฮ้ จุดเด่นของคลาสเมทพีซีรุ่นนี้ คือ ราคาประหยัด มีฟังก์ชันครบถ้วน ทนทาน และเน้นการใช้งานบนอินเทอร์เน็ตเป็นหลัก  นอกจากนี้ ยังเป็นพีซีที่ใช้ง่าย ใช้งานแบบไร้สายได้ แบตเตอร์ใช้ได้นานขึ้น คีย์บอร์ดกันน้ำได้ และมีระบบป้องกันการหยุดชะงักของเครื่องที่ดีขึ้นในกรณีเครื่องตกกระแทก โดยอินเทลเรียกพีซีประเภทนี้ว่า "เน็ตบุ๊ก"   

.

แพลตฟอร์มคอมพิวเตอร์ซึ่งออกแบบโดยอินเทลรุ่นนี้ ช่วยให้ผู้ผลิตมีทางเลือกในการออกแบบแล็ปท้อปโมเดลต่างๆ ได้อย่างหลากหลายเพื่อให้ตรงกับความต้องการด้านการศึกษา รูปแบบของคลาสเมทพีซีรุ่นใหม่เป็นนวัตกรรมชิ้นล่าสุดที่พัฒนาขึ้นเพื่อประโยชน์ด้านการศึกษาสำหรับครูอาจารย์และผู้ปกครอง ในการนำเทคโนโลยี คอมพิวเตอร์ และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต  เข้ามาช่วยให้การเรียนรู้ของนักเรียนทั่วโลกดีขึ้นกว่าเดิม

.

นายเฉียน กล่าวว่า "มีเด็ก ๆ ทั่วโลกเพียงร้อยละ 5 เท่านั้นที่มีโอกาสใช้พีซีหรืออินเทอร์เน็ต การศึกษาเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดที่จะแสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีจะช่วยทำให้การดำเนินชีวิตของเราดีขึ้นได้อย่างไร เราพบว่ามีครูหลายท่านที่นำเอาเทคโนโลยีมาช่วยทำให้การเรียนการสอนเป็นไปอย่างสนุกสนานมากขึ้น นอกจากนี้เรายังสัมผัสได้ว่าเด็ก ๆ รู้สึกตื่นเต้นดีใจเมื่อได้รับแรงบันดาลใจที่เกิดจากเทคโนโลยีอีกด้วย คลาสเมทพีซีที่ใช้ชิปของอินเทลคือหนทางหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนให้อุตสาหกรรมไอทีสามารถกระจายการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในด้าน การศึกษาไปยังเด็ก ๆ ทั่วโลกได้อย่างครอบคลุม"

.

คลาสเมทพีซีรุ่นที่สองนี้ ใช้ อินเทล™ เซเลอรอน™ เอ็ม โปรเซสเซอร์  ระบบ WiFi รุ่น 802.11b/g และยังมีคุณสมบัติเชื่อมโยงระบบแบบ mesh network ได้ด้วย สำหรับรุ่นท้อปของเน็ตบุ๊กรุ่นนี้จะใช้จอแอลซีดีขนาด 9 นิ้ว แบตเตอรี่แบบ 6 เซลล์ เมมโมรี่ขนาด 512 MB ระบบสำรองฮาร์ดไดรฟ์ขนาด 30 GB พร้อมด้วยกล้องเว็บแคมในตัว

.

คลาสเมทพีซีรุ่นนี้ รองรับการทำงานของระบบปฏิบัติการ Microsoft* Windows* XP หรือระบบปฏิบัติการลีนุกซ์* เวอร์ชันต่างๆ  และเมื่อมีการติดตั้งซอฟต์แวร์เพื่อการศึกษาลงไปล่วงหน้า จะทำให้เน็ตบุ๊กรุ่นนี้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการนำไปใช้ในห้องเรียน โดยซอฟต์แวร์และคอนเท้นท์นั้นมีให้เลือกใช้ถึง 8 ภาษาด้วยกัน

.

ที่ผ่านมา มีบริษัทผู้ผลิตทั้งซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ ผู้พัฒนาคอนเท้นท์ ผู้ให้บริการด้านการศึกษาและผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ชั้นนำในประเทศต่างๆ กว่า 80 ราย ทำงานร่วมกับอินเทลเพื่อพัฒนาโครงสร้างที่สมบูรณ์แบบสำหรับคลาสเมทพีซีที่ใช้ชิปอินเทล ซึ่งมีการนำมาอวดโฉมภายในงานไอดีเอฟที่เซี่ยงไฮ้ครั้งนี้ด้วย

.

นายเฉียน ยังได้กล่าวถึงคลาสเมทพีซีที่ใช้เทคโนโลยีของอินเทลว่า ในอนาคต คลาสเมทพีซีจะใช้อินเทล อะตอม โปรเซสเซอร์ เป็นตัวประมวลผล เพราะมีคุณสมบัติด้านการประหยัดพลังงาน ใช้ต้นทุนต่ำในการผลิต มีความสามารถในการใช้งานแบบไร้สายได้ ซึ่งเหมาะกับอุปกรณ์ประมวลผลแบบโมบายล์ขนาดเล็กโดยเฉพาะอย่างเช่น เน็ตบุ๊ก เป็นต้น

.

คลาสเมทพีซี ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเหมาะสำหรับเด็ก จะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและนำเสนอเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Intel World Ahead ซึ่งเป็นโครงการระดับโลกของอินเทลที่มีเป้าหมายในการกระจายโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีและโอกาสทางการศึกษาไปยังเด็ก ๆ ทั่วโลก

.

การปรับเปลี่ยนเข้าสู่ระบบดิจิตอล

นายเฉียนยังกล่าวต่อว่า คลาสเมทพีซีรุ่นที่สองนี้ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีถึงความเชื่อของเขาที่ว่า การเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระบบดิจิตอลนั้นได้มีการดำเนินการอยู่ในขณะนี้ นอกจากนั้น เขายังเน้นย้ำถึงความก้าวหน้าเกี่ยวกับระบบดิจิตอลในแขนงอื่นๆ ด้วย อาทิเช่น การใช้เทคโนโลยี ซิลิคอน รามัน เลเซอร์ (Silicon Raman laser)  ซึ่งเป็นตัวดักจับก๊าซมีเธนราคาถูก และยังได้พูดถึงเทคโนโลยีจัดการพลังงานบนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย เพื่อนำมาใช้พัฒนาประสิทธิภาพด้านพลังงาน 

.

นอกจากนี้ เขายังกล่าวถึงดิจิตอลแอพพลิเคชันรุ่นใหม่ๆ สำหรับผู้บริโภค เช่น หุ่นยนต์ส่วนตัว และเทคนิคการวิเคราะห์ภาพระบบดิจิตอลคอมพิวเตอร์ (computational photography) ซึ่งจะกลายเป็นแอพพลิเคชันแถวหน้าทันทีเมื่อการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิตอลดำเนินการได้เรียบร้อย โดยได้มีการสาธิตถึงการทำงานของ ฟูวาหุ่นยนต์ส่วนตัวจากมหาวิทยาลัยฟูดาน และกล้อง ReFocus ซึ่งเป็นอุปกรณ์จับภาพแบบ light field

.

นอกจากนี้ สถาปัตยกรรมอินเทล ยังได้มีการปรับเปลี่ยนระบบการประมวลผลแบบคู่ขนานของเป็นมัลติคอร์ให้กลายมาเป็นโครงสร้างระดับพื้นฐาน ซึ่งจำเป็นต้องใช้เทคนิคการตั้งโปรแกรมและภาษาต่างๆ แบบใหม่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในโครงการวิจัยระบบประมวลผลระดับเทอราสเกลของอินเทลนั่นเอง

.

นายเฉียน พร้อมด้วย ดร. จาง เซียะ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยีจาก Neusoft Co. ได้นำเอาภาษาในการเขียนโปรแกรมแบบคู่ขนานชนิดใหม่ที่ชื่อ Ct จากฝ่ายวิจัยอินเทลมาสาธิตด้วย ภาษาสำหรับเขียนโปรแกรมดังกล่าวเป็นผลงานการวิจัยของอินเทลที่จะช่วยให้การเขียนโปรแกรมเพื่อทำงานกับโปรเซสเซอร์แบบมัลติคอร์มีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน นายเฉียนยังกล่าวอีกว่า ผลงานวิจัยของอินเทลตั้งเป้าไปที่การสร้างโอกาสและการแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการแปลงสภาพระบบดิจิตอลไปพร้อม ๆ กัน

.

.

เรอเน่ เจมส์: การสร้างอนาคตของซอฟต์แวร์

นางเรอเน่ เจมส์ รองประธานและผู้จัดการทั่วไป กลุ่มซอฟต์แวร์และโซลูชันของอินเทล กล่าว      ในงานไอดีเอฟครั้งนี้ว่า ซอฟต์แวร์มีบทบาทอย่างมากต่อการปลดล็อกเพื่อดึงศักยภาพของฮาร์ดแวร์มาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และยังช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์จากระบบอย่างสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย โดยเธอกล่าวว่า ระบบประมวลผลเสมือนจริง (visual computing) และโมบายล์ แอพพลิเคชันสำหรับอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบพกพา (MID) คือสององค์ประกอบหลักที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและมีความสำคัญต่อการพัฒนาซอฟต์แวร์ และยังได้เปิดเผยถึงการพัฒนาเครื่องมือของอินเทลที่ชื่อ Intel® C++ Software Development Tool Suite เพื่อใช้กับระบบปฏิบัติการของลินุกซ์* ในอุปกรณ์ MID อีกด้วย 

.

นอกจากนี้ นางเจมส์ยังได้พูดถึงโครงการ Intel® Certified Solutions ว่าเป็นบริการทดสอบและรับรองความถูกต้องของซอฟต์แวร์แบบใหม่ ที่จะช่วยให้สมาชิกที่อยู่ในโปรแกรม Intel® Software Partner Program  สามารถนำเสนอโซลูชันที่มีคุณภาพสูงขึ้น ซึ่งผ่านการรับรองจากอินเทลว่า เป็นโซลูชันที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่เข้มงวดด้านความปลอดภัย ความสามารถในการทำงานร่วมกัน ความสามารถในการดูแลระบบ และสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีต่าง ๆ ของอินเทลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ  บริการใหม่ดังกล่าวซึ่งมี SpikeSource* เป็นผู้พัฒนา จะช่วยให้ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ต่างๆ ประหยัดค่าใช้จ่ายในการพัฒนาและสามารถนำเสนอโซลูชันใหม่ ๆ ที่มีเสถียรภาพและทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มของอินเทลได้เป็นอย่างดี

.

กองทุนอินเทล แคปิตอล ซึ่งเป็นองค์กรด้านการลงทุนระดับโลกของอินเทล ได้ลงทุนในบริษัท SpikeSource เพิ่มอีก 10 ล้านเหรียญสหรัฐ  โดยในช่วงแรกของโปรแกรมนี้ อินเทลและ SpikeSource จะร่วมกันให้บริการแก่บริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์ และคาดว่าบริการดังกล่าวจะแพร่หลายในวงกว้างมากขึ้นภายในปลายปีนี้

.

นอกจากนี้ อินเทลยังได้ร่วมกับบริษัท Epic Games เปิดตัวโครงการ "$1 Million Intel Make Something Unreal Contest" เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักพัฒนาเกม ในการปรับแต่งเครื่องคอมพิวเตอร์ให้มีความแรงพร้อมสำหรับการเล่นเกม Unreal Tournament 3 ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ทำงานบนพีซีโดยเฉพาะ โดยผู้ชนะการแข่งขันจะได้รับลิขสิทธิ์ Unreal Engine 3 พร้อมด้วยรางวัลเงินสดและของรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่กว่า 500,000 เหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีรางวัลอื่นๆ ซึ่งรวมถึง Intel® Software Development Products และ เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ อินเทล™ คอร์™2 เอ็กซ์ตรีม คว๊อดคอร์ โปรเซสเซอร์