เนื้อหาวันที่ : 2008-03-28 17:01:57 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1574 views

ซัมซุงบุกธุรกิจ B2B ต่อเนื่อง ชูจุดเด่น โททอล โซลูชั่น โพรไวเดอร์

ซัมซุงต่อยอดความสำเร็จธุรกิจ B2B รุกหนักกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและไอทีภายใต้ผู้นำแนวคิด "โททอล โซลูชัน โพรไวเดอร์" การเป็นผู้นำเสนอสินค้าและบริการแบบโซลูชั่นครบวงจรในกลุ่ม B2B กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ครบไลน์

.

เสริมทัพธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าและไอที ประเดิมต้นปี ส่งเครื่องครัวแบบบิวท์-อิน และเครื่องปรับอากาศภายในอาคารชูความเป็นผู้นำด้านบริการครบวงจรทั้งแบบ วัน สต็อป ช็อปปิ้ง และ วัน สต็อป เซอร์วิส ผ่าน Samsung SWAT หน่วยปฏิบัติการดูแลก่อนและหลังการขาย

.

ซัมซุงต่อยอดความสำเร็จธุรกิจ B2B (Business-to-Business) รุกหนักกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและไอทีภายใต้ผู้นำแนวคิด โททอล โซลูชัน โพรไวเดอร์ (Total Solution Provider) การเป็นผู้นำเสนอสินค้าและบริการแบบโซลูชั่นครบวงจรในกลุ่ม B2B กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ครบไลน์ ล่าสุดปีนี้ชูเครื่องครัวแบบบิวท์-อิน (Built-in Kitchen Appliance) และเครื่องปรับอากาศภายในอาคาร (System Air Conditioner) เป็นตัวหลักในการรุกตลาด

.

พร้อมบุกตลาดแยกตามกลุ่มสนองความต้องการลูกค้า เตรียมทำตลาดโครงการอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะโรงแรมเครือต่างชาติ ส่วนการทำตลาด B2B ในกลุ่มไอทีปีนี้จะเน้นขยายตลาดธุรกิจเอกชนเพิ่ม คาดว่าจะมีลูกค้า เพิ่มเป็น 40 ราย จากเดิม 30 ราย เผยจุดเด่นเหนือคู่แข่ง คือ การมีสินค้าและบริการที่ครบ และเน้นการบริการก่อนและหลังการขาย คาดสิ้นปียอดขายปิดที่กว่า 1,800 ล้านบาท

.

นายอาณัติ จ่างตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้ซัมซุงมีแนวการทำตลาดเชิงรุกในช่องทาง B2B ของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าซัมซุงทั้งหมดภายใต้แนวคิด โททอล โซลูชั่น โพรไวเดอร์ โดยมีจุดเด่นในการนำเสนอสินค้าที่ครบไลน์มากขึ้น อาทิ เครื่องครัวแบบบิวท์-อิน และเครื่องปรับอากาศภายในอาคาร

.

ซึ่งในตลาดทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์นี้ถือว่ามีอัตราการเติบโตที่สูงมาก เพราะเป็น ที่ต้องการของตลาด ขณะที่ผลิตภัณฑ์หลักตัวอื่นอย่างเช่นแอลซีดีทีวีปีนี้จะมีเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มหลากหลายมากขึ้น รวมถึงปีนี้ซัมซุงพยายามทำตลาดด้วยการแบ่งเซ็กเมนต์ในการเจาะตลาด เช่น กลุ่มพรีเมี่ยม จะมีผลิตภัณฑ์ตู้เย็นไซด์บายไซด์ (Side-by-Side Refrigerator) และแอลซีดีทีวี ส่วนกลุ่มระดับกลางลงมาจะนำเสนอผลิตภัณฑ์กลุ่มตู้เย็น 2 ประตู และสลิมฟิต (Slim Fit TV) เป็นต้น

.

"ความแตกต่างของซัมซุงกับผู้ประกอบการรายอื่นในตลาดอยู่ที่ซัมซุงไม่เน้นขายผลิตภัณฑ์แบบแยกชิ้น และขายผลิตภัณฑ์ในราคาถูก แต่จะเน้นไปที่การขายแบบ โททอล โซลูชัน โพรไวเดอร์ หรือการเป็นผู้นำเสนอสินค้าและให้บริการโซลูชั่นครบวงจร โดยอยู่บนพื้นฐานความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ ซึ่งตรงนี้ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า เพราะติดต่อซัมซุงเพียงที่เดียวก็สามารถมีสินค้าบริการได้ครอบคลุมทุกกลุ่ม

.

เพื่อที่ลูกค้าจะได้รับ การบริการแบบ วัน สต็อป ช็อปปิ้ง และ วัน สต็อป เซอร์วิส ผ่าน Samsung Worldwide Advance Technician (SWAT) หน่วยปฏิบัติการดูแลก่อนและหลังการขาย นอกจากนี้ซัมซุงยังให้ความสำคัญกับการบริการหลังการขายอย่างเต็มที่โดยมีทั้งบริการผ่านลูกค้าสัมพันธ์ที่แยกเฉพาะสำหรับดูแลลูกค้ากลุ่ม B2B นี้อย่างใกล้ชิด" นายอาณัติกล่าว

.

ในส่วนของการทำตลาด B2B ในกลุ่มไอทีปีนี้จะเน้นขยายตลาดไปที่กลุ่มธุรกิจเอกชน อาทิ บริษัทประกันภัย สถาบันการเงิน โรงพยาบาล และสถาบันการศึกษา เนื่องจากที่ผ่านมาซัมซุงยังไม่ได้เข้าไปในตลาดกลุ่มนี้มาก ดังนั้น ปีนี้เตรียมที่จะเดินหน้ารุกตลาดมากขึ้น โดยอาศัยกลยุทธ์การเพิ่มกำลังคนในทีมงานเพื่อเข้าถึงและเจาะตลาดเฉพาะ

.

ปัจจุบันซัมซุงมีพันธมิตรธุรกิจในกลุ่มนี้ไม่น้อยกว่า 30 ราย เช่น กลุ่มข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ ธุรกิจเอกชน และร้านสะดวกซื้อ ปีนี้หลังจากการรุกตลาดมากขึ้นคาดว่าจะมีลูกค้าเพิ่มเป็น 40 ราย ซึ่งสินค้าที่ซัมซุงใช้ในการทำตลาด B2B กลุ่มไอที ได้แก่ จอคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดดิสก์ และพรินเตอร์

.

"การทำตลาด B2B ในกลุ่มไอทีของซัมซุงจะอยู่ที่คุณภาพของสินค้า ซึ่งชื่อเสียงของแบรนด์ซัมซุงก็เป็น ที่ยอมรับในตลาดทั้งในด้านความโดดเด่นเรื่องดีไซน์ที่สวยงาม รวมถึงความคุ้มค่าในการใช้งานและมีฟังก์ชันเพิ่มขึ้น เช่น จอภาพสำหรับกราฟฟิคมืออาชีพ และพรินเตอร์ที่ช่วยประหยัดหมึกและลดปัญหาเรื่องกระดาษติด" นายอาณัติกล่าว

.

สำหรับแผนการตลาดปีนี้สำหรับกลุ่ม B2B ซัมซุงจะเน้นการทำตลาดทุกช่องทาง และการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เช่น การจัดบูธในงานสัมมนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การสร้างการรับรู้แบรนด์ไปยังลูกค้าเพิ่มมากขึ้น และการนำเสนอสินค้าให้ลูกค้าโดยตรง เป็นต้น

.

ในปีนี้ซัมซุงตั้งเป้ายอดขายของธุรกิจ B2B ไว้ที่กว่า 1,800 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าประมาณ 1,000 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 56% เทียบกับปีก่อนที่มียอดรายได้ 643 ล้านบาท ส่วนกลุ่มไอทีคาดว่า จะมียอดขายกว่า 833 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 41% เทียบกับปีก่อนที่มียอดรายได้ 592 ล้านบาท