เนื้อหาวันที่ : 2008-03-06 10:12:10 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1219 views

บ้านปูฯ กำไรโตพรวดจากธุรกิจไฟฟ้าและราคาขายถ่านหินที่ดีขึ้น

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กำไรปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน ผลจากการรับรู้ผลกำไรของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจถ่านหินซึ่งมีราคาขายเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนประมาณร้อยละ 17 โดยคาดว่ารายได้ของบริษัทฯ ในปีนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2550 ว่า มีกำไรสุทธิจำนวนทั้งสิ้น 6,654 ล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าจำนวน 3,044 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 84 เป็นผลจากการรับรู้ผลกำไรของโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีที่เพิ่มขึ้น และกำไรจากธุรกิจถ่านหินซึ่งมีราคาขายเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนประมาณร้อยละ 17 โดยคาดว่ารายได้ของบริษัทฯ ในปีนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณร้อยละ 25 เนื่องจากธุรกิจถ่านหินที่มีราคาขายเฉลี่ยปรับเพิ่มสูงขึ้น

.

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กำไรสุทธิ จำนวน 6,654 ล้านบาทในปี 2550 ประกอบด้วยกำไรสุทธิจากธุรกิจหลักคือถ่านหินและไฟฟ้า จำนวน 5,920 ล้านบาทซึ่งปรับตัวสูงขึ้นร้อยละ 61 จากปีก่อนหน้า และกำไรจากรายการพิเศษจำนวน 734 ล้านบาท

.

ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการรับรู้กำไรจากการจำหน่ายหุ้นของบริษัทย่อย PT Indo Tambangraya Megah Tbk. (ITM) รวมทั้งการจำหน่ายเงินลงทุนร้อยละ 10 ในบริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่งซึ่งดำเนินธุรกิจถ่านหิน อย่างไรก็ตามต้นทุนการขายรวมของบริษัทฯ ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกันในอัตรา ร้อยละ 1 ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและการเพิ่มระดับความลึกของการทำเหมืองถ่านหิน

.

ในปี 2550 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวมจำนวน 32,442 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 936 ล้านบาท หรือร้อยละ 3 เป็นผลจากปริมาณขายถ่านหินที่ลดลง 2.4 ล้านตัน จาก 21.7 ล้านตันในปี 2549 เป็น 19.3 ล้านตัน คิดเป็นร้อยละ 11 และผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท ทั้งนี้รายได้จากการขายรวมในปี 2550 แบ่งออกเป็นรายได้จากการจำหน่ายถ่านหินจำนวน 28,429 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 88 ของรายได้จากการขายรวม

.
ซึ่งมาจากการขายถ่านหินจากเหมืองถ่านหินในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย 27,712 ล้านบาท และ จากเหมืองถ่านหินในประเทศไทย 717 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจไฟฟ้าและไอน้ำจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในสาธารณรัฐประชาชนจีน มีจำนวน 3,865 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12 ของรายได้รวม
.

"ปริมาณขายถ่านหินของบริษัทฯ ในปี 2550 ปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้าร้อยละ 11 และต่ำกว่าเป้าของบริษัทฯ ซึ่งตั้งไว้ที่ 20 ล้านตัน ส่วนใหญ่เป็นผลจากการผลิตของเหมืองทรูบาอินโดที่ลดลง ซึ่งได้รับผลกระทบจากสภาวะฝนตกหนักที่สุดในรอบหลายปี รวมทั้งปริมาณการผลิตและขายถ่านหินที่ลดลงจากเหมืองในประเทศไทยซึ่งใกล้จะปิดตัวลงภายในปี 2551 นี้ อย่างไรก็ตาม ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของบริษัทฯ ที่ปรับสูงขึ้นจาก 35.23 เหรียญสหรัฐต่อตันในปี 2549 เป็น 41.06 เหรียญสหรัฐต่อตันในปี 2550 หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 17 ได้ช่วยชดเชยปริมาณการขายที่ลดลง" นายชนินท์กล่าว

.

นายชนินท์ยังกล่าวอีกว่าการผลิตถ่านหินของบริษัทฯ ในปี 2551 จะปรับตัวดีขึ้นโดยตั้งเป้าหมายปริมาณการผลิตถ่านหินที่ประมาณ 20 ล้านตัน ส่วนใหญ่จะเป็นผลผลิตจากเหมืองถ่านหินในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ซึ่งจะทดแทนผลผลิตที่ลดลงของเหมืองในประเทศไทยที่ใกล้ปิดตัวลงในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคาดว่ารายได้จากการขายรวมในปีนี้จะเติบโตสูงขึ้นประมาณร้อยละ 25 เป็นผลจากราคาขายเฉลี่ยถ่านหินของบริษัทฯ ที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ประมาณ 60 เหรียญสหรัฐต่อตันในปีนี้

.

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนของบ้านปูฯ ในปี 2551 จะยังคงเน้นขยายการลงทุนในธุรกิจถ่านหินและไฟฟ้าในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย และสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นส่วนใหญ่ บนพื้นฐานของการปรับปรุงพัฒนาธุรกิจที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมาเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มของสินทรัพย์ที่มีอยู่ และแสวงหาการลงทุนใหม่ๆ บริษัทฯ มุ่งขยายธุรกิจถ่านหินและไฟฟ้าในประเทศจีนในเชิงรุกมากขึ้น

โดยมีเป้าหมายให้ขนาดธุรกิจในประเทศจีนมีสัดส่วนที่ไล่เลี่ยกับประเทศไทยและอินโดนีเซียภายในสิ้นปีนี้ ส่วนในสาธารณรัฐอินโดนีเซีย บ้านปูฯ ยังคงให้ความสำคัญต่อการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง อาทิ การก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงมีกำลังการผลิตรวม 14 เมกะวัตต์ ที่ท่าเรือบอนตัง สำหรับใช้ในการดำเนินงานของท่าเรือและบางส่วนของการทำเหมืองเพื่อทดแทนต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ของเหมืองอินโดมินโค-บอนตัง

ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในครึ่งหลังของปีนี้ รวมไปถึงการพัฒนาศักยภาพระบบการขนส่งถ่านหินเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจถ่านหิน และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน โดยเฉพาะการปรับปรุงและขยายประสิทธิภาพท่าเรือบอนตังให้สามารถรองรับการขนถ่ายถ่านหินเพิ่มขึ้นจาก 12.5 ล้านตัน เป็น 18.5 ล้านตันซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จในปีนี้เช่นกัน

ฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมจำนวน 65,051 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15,664 บาท หรือร้อยละ 32 มีหนี้สินรวมจำนวน 26,554 ล้านบาท ลดลง 489 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2 อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 เท่ากับ 0.14 ต่ำกว่าปี 2549 ที่เท่ากับ 0.66 กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานของบริษัทฯ เท่ากับ 24.49 บาทต่อหุ้น เทียบกับ 13.29 บาทต่อหุ้นในปีที่ผ่านมา