เนื้อหาวันที่ : 2008-03-05 18:22:22 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2034 views

MJD ยิ้มรับมาตรการกระตุ้น ศก. เชื่อแพ็คเกจอสังหาฯ ดันกำลังซื้อคึกคัก

MJD มั่นใจ มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน-จดจำนอง เหลือ 0.01% ของรัฐบาล ช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้กลับมาคึกคัก ภาคการผลิตทุกส่วนฟื้นตัวรับอานิสง ธุรกิจรับเหมา ก่อสร้าง แรงงาน และภาควัสดุก่อสร้าง

 .

ผู้บริหาร MJD มั่นใจ มาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน-จดจำนอง เหลือ 0.01% ของรัฐบาล ช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้กลับมาคึกคัก ทั้งเร่งการตัดสินใจซื้อบ้านให้เร็วขึ้น ขณะที่ภาคการผลิตทุกส่วนฟื้นตัวขึ้นได้ อาทิ ธุรกิจรับเหมา ก่อสร้าง แรงงาน และภาควัสดุก่อสร้าง เชื่อเกิดการจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภคบริโภคตามมา ชี้แบงก์ชาติยกเลิกมาตรการสำรอง 30% ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย ส่งผลนักลงทุนต่างประเทศเชื่อมั่นมากขึ้น

 .

นายสุริยน พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ เปิดเผยว่า เชื่อว่า หลังจากที่รัฐบาลนำมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาใช้ ด้วยการลดค่าธรรมเนียมการโอน จาก 2% และค่าจดทะเบียนจำนองจาก 1% ให้เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท จะส่งผลดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวม ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อภาคอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวขึ้น ก็จะผลักดันให้ธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องดีขึ้นตามไปด้วย ตั้งแต่วัสดุก่อสร้าง เหล็ก รวมไปถึงแรงงานในธุรกิจก่อสร้าง

 .

"โดยภาพรวมแล้ว เชื่อว่า มาตรการดังกล่าว จะทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์คึกคักมากขึ้นและจะเห็นผลชัดเจนกว่าการกระตุ้นส่วนอื่น ซึ่งมาตรการในลักษณะเช่นเดียวกันนี้ รัฐบาลก่อนหน้านี้เคยใช้มาแล้วและได้ผลในระดับหนึ่ง เพราะจะส่งผลดีต่อลูกค้า และผู้ประกอบการ เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นการลดค่าใช้จ่ายโดยตรง ซึ่งที่ผ่านมาค่าธรรมเนียมการโอนจะแบ่งจ่ายกันคนละครึ่ง ระหว่างผู้ซื้อ กับเจ้าของโครงการ" นายสุริยน กล่าว

 .

ส่วนการยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นั้น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MJD กล่าวสนับสนุนว่า เป็นการกระทำที่ถูกต้อง และอยู่ในเวลาที่เหมาะสม โดยมองว่าจะส่งผลบวกทางด้านจิตวิทยา ทำให้นักลงทุนในต่างประเทศมีความเชื่อมั่นมากขึ้น และอาจกลับเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้น ในขณะที่โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ แนะ"overweight" หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ โดยมองว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ของรัฐบาล

 .

ในส่วนของ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ มีโครงการที่เตรียมโอนเพิ่มเติมอีก 3 โครงการ ได้แก่ โครงการแมนฮัตตัน ชิดลม, โครงการวอเตอร์มาร์ค ทาวเวอร์ เอ และ ทาวเวอร์ บี ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 8.3 พันล้านบาท  นายสุริยน กล่าวด้วยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้จากการทยอยรับรู้รายได้จากคอนโดมิเนียมประมาณ 6-7 โครงการ โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่ปีนี้ 3 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้นเกือบ 10,000 ล้านบาท

 .

ทั้งนี้ ในปัจจุบัน เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ มีโครงการคอนโดมิเนียมระดับหรูที่อยู่ระหว่างการดำเนินการทั้งหมด 8 โครงการ มูลค่ารวม 13,800 ล้านบาท ประกอบด้วย ฟูลเลอตัน สุขุมวิท, วอเตอร์มาร์ค เจ้าพระยาริเวอร์ ทาวเวอร์เอ, วอเตอร์มาร์ค เจ้าพระยาริเวอร์ ทาวเวอร์บี, แมนฮัตตัน ชิดลม วินด์ สุขุมวิท 23, วินด์ รัชโยธิน, อกัสตัน สุขุมวิท 22 และมิคโคนอส หัวหิน โดยแต่ละโครงการสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่เป็นนักธุรกิจ คนทำงานรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตอิสระ ท่ามกลางแหล่งอำนวยความสะดวกครบครัน แบบ Lifestyle Community ซึ่งบริษัทฯ ยังคงเน้นจุดเด่นที่คุณภาพระดับพรีเมี่ยมและความเป็นมืออาชีพ