นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เผยตัวแทนเจบิค ญี่ปุ่น พร้อมหนุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ยืนยันสนับสนุนวงเงินกู้ คาดลงนามได้ในราวปลายเดือน มี.ค.นี้ อยู่ที่ 3.3 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 1.4% โดยเจบิคจะให้เงินกู้งวดแรกประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวว่า ได้หารือกับตัวแทนธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น(เจบิค) เมื่อวานนี้ ในเรื่องเงินสนับสนุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งทางเจบิค ยืนยันว่าพร้อมให้การสนับสนุนวงเงินกู้ดังกล่าว โดยหากเจรจาในรายละเอียดได้เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะมีการลงนามได้ในราวปลายเดือน มี.ค.นี้ ส่วนจะเป็นที่ประเทศไทยหรือประเทศญี่ปุ่น ยังไม่มีข้อสรุป

สำหรับวงเงินกู้ดังกล่าวอยู่ที่ 3.3 หมื่นล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 1.4% โดยเจบิคจะให้เงินกู้งวดแรกประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท

รมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้ยังติดในการเจรจาเงื่อนไข 1 ประเด็นที่ไทยต้องต่อรองกับทางเจบิค คือ เรื่องของค่าธรรมเนียมหากทำงานล่าช้า ซึ่งเจบิคเผื่อไว้ในกรณีเกรงเสียโอกาส ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงคลังต่อรองไปว่าจะไม่ขอเสียค่าธรรมเนียมดังกล่าว เบื้องต้นคาดว่าน่าจะต่อรองได้

ส่วนประเด็นที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายไว้เมื่อวานนี้ รมว.คลัง กล่าวว่า กนง.คงพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว โดยคำนึงถึงเสถียรภาพค่าเงินและอัตราเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตามคิดว่าทางกนง. คงจะต้องมีการติดตามสถานการณ์เรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

"กนง.เป็นห่วงเงินเฟ้อว่าจะมีปัญหาและคิดว่าการลงทุนเองก็เติบโตขึ้นมา การใช้ดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นการลงทุนก็อาจจะจำเป็นน้อยลง แต่เชื่อว่าจะติดตามดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด" รมว.คลังกล่าว

และกรณีค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมานั้น เรื่องนี้ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงดูแลอยู่ แต่ต้องดูสาเหตุของปัญหา ถ้าจะดูบาทแข็งค่ามากน้อย ต้องดูไม่ให้ทิ้งห่างกับค่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค

รมว.คลัง ยังกล่าวถึงข้อเสนอการปรับระบบอัตราแลกเปลี่ยนที่นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)หยิบยกขึ้นมากล่าววานนี้ว่า ถือเป็นแนวคิดหนึ่งที่น่าสนใจ แต่เรื่องการปรับเปลี่ยนนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนไม่ใช่ทำได้ในช่วงสั้น ต้องใช้เวลาในการศึกษารายละเอียดก่อน