นายอัศนี ชันทอง กรรมการผู้จัดการ บมจ.กระเบื้องหลังคาตราเพชร(DRT) กล่าวว่า ในปี 2551 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้โต 10% โดยจะมาจากการขายกระเบื้องคอนกรีต เนื่องจากในปีนี้ DRT จะรุกตลาดบ้านโครงการมากขึ้น เพราะรัฐบาลมีนโยบายที่ชัดเจนในโครงการเมกะโปรเจ็คต์ โดยเฉพาะการก่อสร้างรถไฟฟ้า 9 เส้นทาง ทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่มีที่ดินตามแนวรถไฟฟ้า จะเริ่มกลับมาลงทุนก่อสร้างทันที นับเป็นจังหวะที่ดีที่ DRT จะเข้าไปทำตลาด เพราะบริษัทฯ ก็มีผลิตภัณฑ์รองรับตลาดนี้อยู่แล้ว

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการส่งออกเป็น 15% และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และเสริมบริการพิเศษ เพื่อเป็นทางเลือกของลูกค้าด้วย โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มเจียระไน และในกลุ่มแผ่นไฟเบอร์ซีเมนต์

นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด DRT กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งเน้นผลักดันกระเบื้องคอนกรีต ตราอดามัส และตราเพชร รวมทั้งผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเจียระไนทั้งหมดให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากการจำหน่ายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายกว่า 600 รายทั่วประเทศแล้ว ยังมีแผนที่จะผลักดันสินค้าเข้าสู่กลุ่มงานโครงการต่างๆ รวมถึงภาคการส่งออกที่จะขยายตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการการันตีคุณภาพสินค้าของบริษัทฯ สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคอีกทางหนึ่ง

"บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะขยายตลาดโครงการเพิ่มขึ้นกว่า 50% คิดเป็น 8% ต่อสัดส่วนรายได้เป้าหมายในปี 51 โดยเพิ่มขึ้นจาก 5.5% ในปี 50  ซึ่งเชื่อว่าในปีนี้ตลาดโครงการจะโตเท่าตัว และเพิ่มยอดขายได้อีกประมาณ 100 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ได้รับความไว้วางใจในการใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ในโครงการต่างๆมากมาย เช่นโครงการคาซ่าวิลล์ ในเครือ บมจ. ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำนวนทั้งสิ้น 1,400-1,500 หลัง คิดเป็นมูลค่าโครงการรวม 40-50 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการบ้านพฤกษา,โครงการบ้านศุภาลัย รวมทั้งโครงการบ้านเอื้ออาทรอีกด้วย"นายสาธิต กล่าว

ปัจจุบัน บริษัทฯ ใช้กำลังการผลิตที่มีอยู่เกือบ 100% ของทุกสายการผลิต โดยได้ดำเนินการผลิตกระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์ 3 แสนตันต่อปี กระเบื้องคอนกรีต 2 แสนตันต่อปี และล่าสุดการลงทุนเพิ่มสายการผลิตที่ 9 เพื่อผลิตไม้ฝาโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ ที่ปราศจากใยหิน ซึ่งหากก่อสร้างแล้วเสร็จจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 6 หมื่นตันต่อปี

ทั้งนี้ สัดส่วนรายได้ ของ DRT นั้น รายได้หลักยังคงเป็นกระเบื้องไฟเบอร์ซีเมนต์ ที่มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 65 % กระเบื้องคอนกรีต 10 % ไม้ฝา 15%  ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเจียระไน 5% และอุปกรณ์ประกอบหลังคา 5%