เนื้อหาวันที่ : 2008-01-03 15:00:47 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 8199 views

ทำความรู้จักกับโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมบางปะกง

โรงไฟฟ้าบางปะกงเป็นโรงไฟฟ้าแห่งแรกของประเทศไทย ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเพื่อสนองนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการพัฒนาแหล่งทรัพยากรธรรมชาติภายในประเทศ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

.

โรงไฟฟ้าบางปะกงเป็นโรงไฟฟ้าแห่งแรกของประเทศไทย ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าเพื่อสนองนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการพัฒนาแหล่งทรัพยากรธรรมชาติภายในประเทศ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ปัจจุบันโรงไฟฟ้าบางปะกงมีกำลังผลิตรวมทั้งสิ้นประมาณ 3,675 เมกะวัตต์ ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังความร้อน จำนวน 4 เครื่อง และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม จำนวน 4 ชุด ก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ ในปี 2535 ถือเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่และทันสมัยที่สุดในประเทศไทย

.

ที่มาของโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมบางปะกง

โครงการนี้เป็นโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมบางปะกง ชุดที่ 5 เป็นโครงการที่บรรจุอยู่ในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2547-2558 (PDP 2004) ซึ่งเป็นแผนที่ใช้พิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่

1. ความต้องการไฟฟ้าได้ใช้ค่าพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้าที่จัดทำโดยคณะอนุกรรมการการพยากรณ์ความต้องการไฟฟ้าฉบับเดือนมกราคม 2547

2. กำหนดความมั่นคงของระบบไฟฟ้าโดยกำหนดตัวชี้วัดโอกาสไฟฟ้าดับไม่เกิน 24 ชั่วโมงต่อปีและกำลังผลิตสำรองประมาณร้อยละ 15

3. กำหนดความมั่นคงในการจ่ายไฟฟ้าโดยกำหนดชนิดของเชื้อเพลิงที่เหมาะสมตลอดจนความร่วมมือด้านพลังงานระหว่างประเทศ

.

ความจำเป็นที่ต้องก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมบางปะกง ชุดที่ 5

เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของอัตราการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมภายในประเทศ ทำให้ความต้องการการใช้ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าความร้อนร่วมบางปะกง ชุดที่ 5 จึงเกิดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ

1. เพิ่มกำลังผลิตของโรงไฟฟ้าบางปะกง เพื่อตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นตามความเจริญเติบ โต ในด้านอุตสาหกรรม สังคม และส่งผลต่อเศรษฐกิจในประเทศ

2. เสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้า เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศ ป้องกันไฟตก-ดับ

3. เป็นการใช้ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงสะอาด ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่

4. สามารถลดภาระการลงทุนด้านระบบไฟฟ้า เนื่องจากโรงไฟฟ้าตั้งอยู่ใกล้ศูนย์กลางการใช้ไฟฟ้า ทำให้ช่วยลดความสูญเสียในระบบส่ง ประหยัดต้นทุนการก่อสร้างสายส่ง และไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนด้านงานก่อสร้างระบบส่งไฟฟ้า

.
รายละเอียดโครงการ

            ·         สถานที่ตั้งโครงการ   ที่ตั้งโครงการฯ อยู่ในบริเวณพื้นที่โรงไฟฟ้าเดิม  ใช้พื้นที่ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้า ประมาณ  40  ไร่  ที่อยู่ปัจจุบัน เลขที่ 4

                          หมู่ 6 ต.ท่าข้าม อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา                 

·         ลักษณะของโครงการ โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมบางปะกงชุดที่ 5 มีขนาดกำลังผลิตประมาณ 725 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย เครื่องผลิตไฟฟ้ากังหันแก๊ส (Gas Turbine) จำนวน 2 เครื่อง เครื่องผลิตไอน้ำแรงดันสูง (Heat Recovery Steam Generator, HRSG) จำนวน 2 เครื่อง และเครื่องผลิตไฟฟ้ากังหันไอน้ำ (Steam Turbine) จำนวน 1 เครื่อง

.

·        เชื้อเพลิงการผลิต ใช้ก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอ่าวไทยเป็นเชื้อเพลิงหลัก และน้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงสำรอง มีอัตราการใช้ก๊าซธรรมชาติสูงสุดประมาณ 118 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 3 ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และกรณีใช้น้ำมันดีเซลจะใช้ในอัตราสูงสุดประมาณ 3.33 ล้านลิตรต่อวัน  

·         การใช้น้ำ โรงไฟฟ้าจะใช้น้ำจากแม่น้ำบางปะกง สำหรับระบบระบายความร้อนแบบหอหล่อเย็น โดยใช้น้ำประมาณ 78,842 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และใช้น้ำในกระบวนการผลิตและน้ำอุปโภคบริโภคของโรงไฟฟ้า จากบริษัท East Water หรือการประปานครหลวง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ประมาณ 549 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน

                 สำหรับน้ำที่ปล่อยออกจากระบบระบายความร้อน (หอหล่อเย็น: Cooling Tower) มีปริมาณทั้งสิ้นประมาณ 65,898 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน อุณหภูมิของน้ำที่

                 ระบายจากหอหล่อเย็นจะลดลงมาใกล้เคียงกับอุณหภูมิของน้ำที่สูบจากแม่น้ำบางปะกงเข้าไป โดยจะแตกต่างกันไม่เกิน 3 องศาเซลเซียส (อุณหภูมิน้ำขาออก

                 อุณหภูมิน้ำขาเข้า ไม่เกิน 3 องศาเซลเซียส)

                ·         แผนการดำเนินงาน ระยะเวลาก่อสร้าง 32 เดือน กำหนดจ่ายกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์   31 มีนาคม 2552

.

ประโยชน์ของโครงการ

                1.  สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าเข้าระบบได้ประมาณ 5,000 ล้านหน่วยต่อปี

                2.  สามารถรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ตามการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรร

                3.  เพิ่มความมั่นคงในการจ่ายไฟฟ้าของระบบ

                4.  ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าให้กับท้องถิ่น ตลอดจนสร้างแหล่งงานขนาดใหญ่ให้กับชุมชน 

                5.  ช่วยประหยัดพลังงาน เนื่องจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าไว้ใกล้ศูนย์กลางการใช้ไฟฟ้า ( Load Center ) สามารถลดความสูญเสียในระบบส่งได้ 

                6.  เป็นการพัฒนาใช้การก๊าซธรรมชาติให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการผลิตไฟฟ้า

.

การศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม

                 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มอบหมายให้ บริษัท ซีคอท จำกัด ดำเนินการศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมจากโครงการโรงไฟฟ้าบาปะกง ชุดที่ 5 เป็นระยะเวลา 6 เดือน (7 เมษายน ถึง 21 ตุลาคม 2548)

 

 .

บริษัท ซีคอท จำกัด ได้จัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้วเสร็จ จากนั้น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้นำเสนอรายงาน ฯ ต่อสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2548  ซึ่งได้รับความเห็นชอบจาก คณะกรรมการผู้ชำนาญการของ สผ. เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2549  และจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2549 จากนั้น วันที่ 25 กรกฎาคม 2549 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมบางปะกง ชุดที่ 5

.

มาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลการะทบสิ่งแวดล้อม

1)       ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก และใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงสำรอง

2)       ติดตั้งระบบ Dry Low Nox Burner ในห้องเผาไหม้ของเครื่องกังหันแก๊ส

3)      ควบคุมค่าความเข้มข้นของก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจนที่ปล่อยของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม

4)      ควบคุมสารทุกประเภทให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามประกาศของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ควบคุมอัตราการระบายจากปล่อง ไม่ให้เกินค่ามาตรฐาน

5)       ติดตั้งระบบตรวจวัดอากาศแบบต่อเนื่อง (AAQM) เพื่อตรวจวัดก๊าซออกไซด์ของไนโตรเจนและออกซิเจน พร้อมทั้งติดตั้งจอแสดงผลการตรวจวัดจากปล่องที่หน้าทางเข้าโรงไฟฟ้า

6)       ติดตั้งอุปกรณ์ลดเสียงจากเครื่องจักร

7)       ติดตั้งหอคอยหล่อเย็น (Cooling Tower) เพื่อลดอุณหภูมิของน้ำทิ้งให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติ ก่อนระบายลงสู่แม่น้ำบางปะกง

8)       น้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดจากระบบบำบัดน้ำเสีย นำไปรดน้ำต้นไม้ภายในโรงไฟฟ้าไม่มีการระบายน้ำออกนอกโรงไฟฟ้า

9)       จัดให้มีการตรวจสอบแนวท่อก๊าซธรรมชาติเป็นประจำ

10)   จัดเตรียมแผนรองรับเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ พร้อมให้มีการฝึกซ้อมอย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง

.

การมีส่วนร่วมกับชุมชน

               การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ตระหนักถึงความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของประชาชน  เกี่ยวกับการดำเนินงานโครงการทุกขั้นตอน นับตั้งแต่มีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้นำชุมชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยระลึกอยู่เสมอว่าข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้ เป็นข้อมูลที่มีส่วนสำคัญยิ่งต่อการกำหนดมาตรการในการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและใช้เป็นมาตรฐานในการวางแผนป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตลอดจนจัดให้มีการจัดตังคณะกรรมการไตรภาคี เพื่อเปิดโอกาสให้ชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและติดตามตรวจสอบการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของโรงไฟฟ้าในระหว่างการเดินเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้า

.

โครงการ ฯ บางปะกง เป็นโรงไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยซี่งอยู่ในกำกับของรัฐบาลและเป็นโรงไฟฟ้าของมวลชนอย่างแท้จริง การดำเนินงานทุกขั้นตอนได้คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง

.

ทุกคำถามมีคำตอบกับโรงไฟฟ้าบางปะกง ชุดที่ 5

.

ถาม     เรื่องความร้อนที่เพิ่มขึ้นจากการสร้างโรงไฟฟ้า กฟผ. มีมาตรการแก้ไขอย่างไรบ้าง

ตอบ     โรงไฟฟ้าจะต้องมีการระบายความร้อนที่ปลายปล่องฉะนั้นบริเวณปลายปล่องอาจจะมีอุณหภูมิสูงแต่เมื่อถูกอากาศภายนอกซึ่งมีจำนวนมากกว่าทำให้อุณหภูมิกลับสู่ปกติโดยเร็วสำหรับโรงไฟฟ้าใหม่ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมจะมีการนำความร้อนที่ได้ไปใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าอีกครั้งหนึ่งทำให้ความร้อนที่ออกมาน้อยลงมาก

.

ถาม     เรื่องเขม่า ควันพิษ

ตอบ     โครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมบางปะกง ชุดที่ 5 ได้ถูกออกแบบให้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักและใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิงสำรอง ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาเรื่องเขม่าและควันพิษ รวมทั้งโรงไฟฟ้าใหม่นี้ได้ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงจากประเทศเยอรมันที่มีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวด และโรงไฟฟ้าประเภทเดียวกันนี้ก็ใช้กันอยู่ทั่วโลกเป็นที่ยอมรับว่าเป็นเทคโนโลยีที่สะอาดเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

.

ถาม     ปริมาณการใช้น้ำสำหรับโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังความร้อนรวมบางปะกง ชุดที่ 5 จะส่งผลกระทบไข่/สัตว์น้ำวัยอ่อนหรือไม่ รวมทั้งมีการกำหนดมาตรการในการป้องกัน หรือลดผลกระทบนี้อย่างไร

ตอบ     ปริมาณน้ำใช้ใน โครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังคามร้อนร่วมบางปะกง ชุดที่ 5 จะมีการใช้น้ำใน 2 ส่วน คือ

                - น้ำใช้สำหรบกระบวนการผลิต

- น้ำใช้เพื่อการหล่อเย็น

โดยน้ำใช้สำหรับกระบวนการผลิต โครงการฯ จะใช้น้ำจากบริษัท East Maker จำกัด (มหาชน) หรือ การปะปานครหลวง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ  

น้ำใช้เพื่อการหล่อเย็นจะใช้จากแม่น้ำบางปะกงเหมือนกระบวนการผลิตในปัจจุบัน แต่ปริมาณการใช้น้ำสำหรับหล่อเย็นที่ประมาณ 80,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน นั้นมีปริมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณน้ำในฤดูที่มีน้ำนอยที่สุด ดังนั้นจึงไม่มีผลกระทบกับระบบนิเวศน์

.

ถาม     อุณหภูมิของน้ำหล่อเย็นที่ปล่อยออกจากโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมบางปะกง ชุดที่ 5 นั้น มีอุณหภูมิเท่าไหร่ และการระบายน้ำร้อนลงแม่น้ำบางปะกงจะส่งผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเรื่องน้ำร้อน หรือไม่

ตอบ     โครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมบางปะกง ชุดที่ 5 ได้มีการติดตั้งหอหล่อเย็น น้ำหล่อเย็นจะต้องผ่านระบบหอหล่อเย็นก่อน เพื่อให้อุณหภูมิของน้ำหล่อเย็นมีอุณหภูมิใกล้เคียงกับอุณหภูมิของน้ำในแม่น้ำ ก่อนระบายลงสู่แม่น้ำบางปะกง จากการออกแบบระบบหอหล่อเย็น อุณหภูมิสูงสุดของน้ำที่ปล่อย อุณหภูมิน้ำต้องไม่เกิน 3 องศาเซลเซียส จากอุณหภูมิของน้ำที่สูบเข้ามา และอุณหภูมิของน้ำที่ปล่อยออกกำหนดไว้สูงสุดไม่เกินที่กฏหมายกำหนด ซึ่งอุณหภูมิจากโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมบางปะกง ชุดที่ 5 ตามการออกแบบจะไม่ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำต่าง ๆ เนื่องจาก อุณหภูมิที่ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำจะเริ่มต้นที่ 36 องศาเซลเซียสขึ้นไป โดยสัตว์น้ำจะมีการปรับตัวและหลบหลีกจากอุณหภูมิของน้ำที่สูงขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อสัตว์น้ำเอง

.

ถาม     การสูบน้ำอาจทำให้ ปลา กุ้ง หอย ติดมาด้วย มีการแก้ไขอย่างไร

ตอบ     จัดให้มีตะแกรง 2 ชั้นเพื่อดักสัตว์น้ำขนาดใหญ่ไม่ให้ติดเข้าไปและมีตะแกรงขนาดเล็กเพื่อดักสัตว์น้ำขนาดเล็กไม่ให้เข้าไป และกำหนดให้มีนโยบายการปล่อยสัตว์น้ำลงชดเชยด้วยเช่นกัน

.

ถาม     มีการใช้น้ำยาคลอรีนกำจัดเพรียงที่ทางระบายน้ำ อาจส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำได้

ตอบ    มีการใช้คลอรีนเพื่อป้องกันการเกาะของเพรียงในช่วงน้ำเค็มเท่านั้นและมีการควบคุมปริมาณการใช้ไม่ให้กระทบต่อสัตว์น้ำ 

.

ถาม    ถ้าเกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้นชาวบ้านควรทำอย่างไร และมีรัศมีวงกว้างเท่าไร

ตอบ    การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ได้จัดทำแผนฉุกเฉิน กรณีที่เกิดเหตุการณ์ในพื้นที่จะมีเจ้าหน้าที่ดูแล สำหรับกรณีเหตุการณ์เกิดขึ้นในระดับที่รุนแรงต้องมีการติดต่อหน่วยงานภายนอกเพื่อขอความช่วยเหลือ โดยมีมาตรการฝึกซ้อมปีละครั้งร่วมกับชุมชน

           จากการประเมินด้านอุบัติเหตุจากโครงการฯ ลักษณะที่เกิดเหตุสุดวิสัย หรืออุบัติเหตุขึ้นภายในบริเวณโรงไฟฟ้า รวมถึงผลกระทบต่อเส้นท่อทั้งหมด พบว่า รัศมีของผลกระทบโดยส่วนใหญ่จะอยู่ในเฉพาะพื้นที่ของโรงไฟฟ้าฯ เท่านั้น จะไม่ส่งผลกระทบออกมาภายนอกพื้นที่โรงไฟฟ้า ซึ่งทางโรงไฟฟ้าได้จัดให้มีมาตรการป้องกันการรั่วไหลในส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะท่อส่งก๊าซธรรมชาติที่นำมาใช้ ต้องได้รับการออกแบบตามมาตรฐานและมีกาตรวจสอบแนวท่อส่งเป็นประจำ นอกจากนี้โครงการฯ ยังกำหนดแผนป้องกันด้านอุบัติเหตุเหล่านี้ เช่น แผนการป้องกันไม่ให้มีการติดไฟเกิดขึ้น ในกรณีท่อก๊าซรั่วไหล ขั้นตอนการแก้ไขหากเกิดเพลิงไหม้ และจัดให้มีการฝึกซ้อมตามแผนฉุกเฉินอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อการเตรียมความพร้อม โดยพนักงานของโรงไฟฟ้าบางปะกงทุกคน จะต้องมีความพร้อม เพื่อจะได้ระงับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมดไม่ให้เกิดเหตุลุกลามอย่างทันท่วงที

.

ถาม     ตอนโรงไฟฟ้าเก่า บอกว่า บริษัท ปตท. ให้ก๊าซไม่พอใช้ ต้องใช้น้ำมันเตาแล้วโรงไฟฟ้าจะเอาก๊าซมาจากไหน ใช้น้ำมันเตาอีกหรือไม่

ตอบ    ปัจจุบันสถานการณ์เปลี่ยนไป บริษัท ปตท. พบแหล่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นจากอ่าวไทยและทำข้อตกลงที่จะส่งก๊าซให้ กฟผ.  ดังนั้นขอให้มั่นใจได้ว่ามีปริมาณก๊าซธรรมชาติเพียงพอกับการผลิตตลอดอายุการใช้งานของโรงไฟฟ้าอย่างแน่นอน

.

ถาม     ประชาชนจะทราบค่าวัดต่าง ๆ ได้หรือไม่ถ้าเกินมาตรฐานจะแจ้งได้ที่ไหน

ตอบ     โรงไฟฟ้าจะแจ้งผลการตรวจวัดไปที่ กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยส่งรายงานทุก ๆ 6 เดือน เพื่อเปรียบเทียบกับสภาพปัจจุบันที่เป็นอยู่ ถ้ามีข้อผิดพลาดกระทรวงก็จะลงมากำกับขอให้มั่นใจว่าจะสร้างตรงไหนก็จะต้องมีรายงานให้รับทราบ

.

ถาม      เป็นห่วงเรื่องความไม่ปลอดภัยของชาวบ้าน อยากให้มีกระประสานงานตั้งตัวแทนโดยให้ผู้นำชุมชนเข้าร่วมกับโรงไฟฟ้าด้วย

ตอบ     การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มีระบบดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว แต่ถ้าประชาชนอยากเข้ามีส่วนร่วมก็สามารถตั้งตัวแทนคณะกรรมการในลักษณะไตรภาคีเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนในการเฝ้าระวัง

.

ถาม     อยากทราบว่าโรงไฟฟ้าจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างไร และส่งเสริมความก้าวหน้าท้องถิ่นหมายถึงอะไร คนในท้องถิ่นได้รับประโยชน์อย่างไร

ตอบ     รัฐบาลได้กำหนดให้นำรายได้ที่เกิดจากการขายพลังงานไฟฟ้า ไปพัฒนาท้องถิ่น 1 สตางค์ต่อหน่วยการผลิตพลังงานไฟฟ้า สำหรับโครงการที่มีกำลังผลิตประมาณ 700 เมกะวัตต์ จะมีเงินนำไปพัฒนาท้องถิ่นประมาณ 35-50 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ในท้องถิ่นที่มีโรงไฟฟ้าตั้งอยู่ ยังได้รับภาษีบำรุงท้องถิ่นสำหรับนำไปพัฒนาท้องถิ่นอีกด้วยและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยยังมีแผนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชนบริเวณใกล้เคียงโรงไฟฟ้า เช่น การสนับสนุนด้านสิ่งแวดล้อม การศึกษา สุขภาพอนามัย เป็นต้น

.

ถาม     อยากทราบข้อดีข้อเสียของโรงไฟฟ้า

ตอบ     การสร้างโรงไฟฟ้าเพื่อตอบสนองความต้องการการใช้ไฟฟ้า และมีความมั่นคงในระบบไฟฟ้ามากขึ้น เพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชน และพัฒนาคุณภาพชีวิต ข้อเสียอาจรู้สึกว่ากระทบมีการเปลี่ยนแปลง แต่ กฟผ.  มีมาตรการดูแลด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และพร้อมที่จะแก้ไขหากมีผลกระทบ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน

.

ถาม     โรงไฟฟ้าสามารถทำบ่อพักน้ำภายในพื้นที่โรงไฟฟ้าได้หรือไม่ ไม่ต้องสูบน้ำจากแม่น้ำบางปะกงไประบายความร้อนทำให้อุณหภูมิน้ำสูงขึ้น การเลี้ยงกุ้งในแม่น้ำจับกุ้งได้น้อยลง ปลาอีกงสูญพันธุ์

ตอบ     ได้เสนอมาตรการต่าง ๆ เกี่ยวกับการดูแลผลกระทบนี้ เช่น การปล่อยพันธุ์ปลา พันธุ์กุ้งเสริมลงไปในธรรมชาติ และขณะนี้มีการเพาะเลี้ยงปลาอีกงที่สถานีประมงที่เพชรบุรี ซึ่งได้เสนอไว้ในร่างผลการศึกษา แล้วว่าควรมีการนำพันธุ์ปลาอีกงมาปล่อยในแม่น้ำด้วย

..

ถาม     กฟผ.  มีมาตรการอย่างไรหากเขื่อนบางปะกงปิด มีมาตรการรองรับผลกระทบต่อแม่น้ำบางปะกงหรือไม่

ตอบ     กระบวนการหล่อเย็นของโรงไฟฟ้าบางปะกงไม่ได้ใช้น้ำจากทางเหนือ แต่ใช้น้ำทะเลที่ขึ้นลง ซึ่งการประเมินผลกระทบ ได้คิดจากปริมาณน้ำท่าเท่ากับศูนย์ เมื่อโรงไฟฟ้าลดการใช้น้ำก็ถือเป็นการแก้ปัญหาแล้วส่วนหนึ่ง ด้านการปิดเขื่อนแม่น้ำบางปะกงจะไม่ปิดตลอด แต่จะมีการระบายออกมาด้านท้ายเขื่อนโดยควบคุมระดับน้ำท้ายเขื่อนให้มีสภาพใกล้เคียงกับปัจจุบันสภาพตามธรรมชาติ

.

ถาม     ในเวลาที่น้ำทะเลขึ้น น้ำร้อนจะไหลกลับไปที่หน้าโรงไฟฟ้า หากไม่มีน้ำเหนือช่วยหน้าโรงไฟฟ้าจะมีอุณหภูมิสูง เหมือนปี 2531-2532 กฟผ. มีมาตรการดูแลเรื่องอุณหภูมิหรือไม่

ตอบ     ขณะนี้มีการศึกษาเกี่ยวกับแม่น้ำบางปะกงอยู่ สำหรับเขื่อนบางปะกงต้องมีประตูผันน้ำเหนือเขื่อนให้มีอัตราใกล้เคียงกับปัจจุบัน หากมีการปิดเขื่อนโดยไม่มีการระบายน้ำเลย มีการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าอย่างเต็มที่ และไม่ลดปริมาณน้ำใช้จะทำให้อุณหภูมิน้ำเพิ่มขึ้น ประมาณ 3 องศาเซลเซียส บริเวณหน้าโรงไฟฟ้า โดยโรงไฟฟ้ามีมาตรการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าปัจจุบันลงบางส่วน ทำให้การแพร่กระจายอุณหภูมิของน้ำหล่อเย็นลดลงจากการเดินเครื่องปัจจุบันมาก และไม่กระทบต่อการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในแม่น้ำบางปะกงแต่การดำเนินงานของเขื่อนบางปะกงปัจจุบันจะไม่ปล่อยน้ำท่าเป็นศูนย์ และคณะกรรมการไตรภาคีก็จะเป็นผู้ตรวจสอบว่าโรงไฟฟ้าได้ดำเนินการไปตามมาตรการนั้น ๆ หรือไม่

.

ถาม     โรงไฟฟ้าเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นจะใช้ทรัพยากรมากขึ้นหรือเปล่า เช่นน้ำจากแม่น้ำบางปะกงมากขึ้น ปล่อยฝุ่นควันมากขึ้นหรือเปล่า ฯลฯ

ตอบ     ในส่วนของโครงการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมบางปะกง ชุดที่ 5 มีการเพิ่มกำลังการผลิต 725 เมกะวัตต์ โดยกระบวนการผลิต มีการใช้น้ำน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับโรงไฟฟ้าปัจจุบันเนื่องจากใช้เทคโนโลยีของโรงไฟฟ้าใหม่และจากมาตรการลดการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าปัจจุบันลงบางส่วนทำให้ปริมาณน้ำหล่อเย็นที่ใช้ลดลงจากปัจจุบัน

.

ถาม     อยากถามถึงเรื่องสถานีตรวจวัดเวลาติดตั้งดูในเรื่องของทิศทางลมว่าจะได้รับผลกระทบอย่างไรบ้างหรือไม่

ตอบ     เราจะเน้นที่โรงเรียน โรงพยาบาล ซึ่งไวต่อผลกระทบ ตามลักษณะของชุมชนที่แตกต่างกันซึ่ง กฟผ. มีอยู่แล้ว 3 สถานี เราจะดูชุมชนที่อ่อนไหวในเรื่องของทิศทางลม

.

ถาม     กฟผ. จะมีการจ้างแรงงานในท้องถิ่นหรือไม่

ตอบ     การจ้างงานของ กฟผ. มี 2 ส่วน ส่วนของ กฟผ. เองได้แก่การจ้างงานทำงานด้านธุรการทำงานในสำนักงาน โดยผ่านนิติบุคคล และในส่วนของบริษัทผู้รับเหมาซึ่ง กฟผ. ได้กำหนดให้รับคนในท้องถิ่นเข้าทำงานด้วย

.

เอกสารอ้างอิง

  •  เอกสารเผยแพร่แผ่นพับ โครงการพัฒนา โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมบางปะกง ชุดที่ 5 จัดทำโดย กองประชาสัมพันธ์ สายงานพัฒนาฝ่ายบริหารสายงานพัฒนา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พิมพ์ครั้งที่ 1, ก.ค. 2550
  •  เอกสารเผยแพร่  ถาม ตอบ โครงการพัฒนา โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมบางปะกง ชุดที่ 5 จัดทำโดย  กองประชาสัมพันธ์สายงานพัฒนา ฝ่ายบริหารสายงานพัฒนา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย พิมพ์ครั้งที่ 2, ก.ค. 2550