1 มกราคม 2551 ปตท.เป็นรายแรกจำหน่าย "พีทีที E20 พลัส" ในประเทศ ซึ่งราคาจำหน่ายจะถูกกว่าน้ำมันเบนซิน 95 ลิตรละ 6 บาท ช่วยให้ผู้ใช้รถประหยัดพลังงาน ช่วยเหลือเกษตรกร ลดปัญหามลพิษแล้ว ยังช่วยลดการเกิดภาวะโลกร้อนได้ด้วย

นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) เปิดเผยว่า ทันทีที่กระทรวงพลังงานได้ประกาศข้อกำหนดลักษณะและคุณภาพของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2551 ปตท.จึงเป็นรายแรกในการเปิดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวภายใต้ชื่อ "พีทีที E20 พลัส" โดยในเบื้องต้นพร้อมจำหน่ายแล้ว 10 แห่ง อาทิ สาขาสวัสดิการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม บริเวณริมทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ฝั่งขาออก) สาขาการท่าอากาศยาน 2 สาขาบางบอน สาขากรมช่างอากาศ สาขาองค์การแบตเตอรี่ และ สาขาสำนักงานใหญ่ เป็นต้น

สำหรับในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ ปตท. ได้จัดโปรโมทชั่นเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่ใช้ "พีทีที E20 พลัส" ในช่วง 3 เดือน (มกราคม - มีนาคม 2551) โดยราคาจำหน่ายจะถูกกว่าน้ำมันเบนซิน 95 ลิตรละ 6 บาท นับว่าเป็นราคาที่ถูกที่สุดเมื่อเทียบกับผู้ค้าฯรายอื่นทุกราย

รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวเพิ่มเติมว่า ปตท.ไม่เพียงเป็นเจ้าแรกที่เปิดจำหน่ายน้ำมัน E20 ในประเทศ หากแต่ยังเป็นผู้ค้าปลีกน้ำมันที่ให้บริการน้ำมัน E20 ในปริมาณมากที่สุดในวันแรกของการเปิดจำหน่าย โดยในวันปีใหม่นี้ (1 ม.ค.51) บริษัท ฟอร์ด เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด จะนำรถยนต์ฟอร์ด โฟกัส (รุ่นที่ใช้น้ำมัน E20) จำนวนถึง 100 คัน เข้าเติมน้ำมัน “พีทีที E20 พลัส” ณ สถานีบริการน้ำมัน ปตท. สาขาสวัสดิการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม บริเวณริมทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ฝั่งขาออก) ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความมั่นใจในคุณภาพน้ำมัน "พีทีที E20 พลัส" เป็นอย่างดี

น้ำมัน "พีทีที E20 พลัส" นั้น เป็นอีกหนึ่งในการวิจัยและพัฒนาโดยสถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท. จากเดิมที่ผสมเอทานอลในสัดส่วนเพียง 10% (E10) ให้สามารถเพิ่มขึ้นเป็น 20% (E20) ในขณะที่ค่ายรถยนต์ต่างๆ ก็ได้มีการพัฒนาปรับปรุงชิ้นส่วนอุปกรณ์ของรถยนต์เพื่อรองรับให้สามารถใช้กับน้ำมัน E20 ตามนโยบายของกระทรวงพลังงาน ซึ่ง "พีทีที E20 พลัส" นอกจากช่วยให้ผู้ใช้รถประหยัดพลังงาน ช่วยเหลือเกษตรกร ลดปัญหามลพิษแล้ว ยังช่วยลดการเกิดภาวะโลกร้อนได้ด้วย นายชัยวัฒน์ กล่าวย้ำ