เนื้อหาวันที่ : 2007-11-07 11:20:42 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1396 views

FTA อาเซียน-จีน ได้ข้อสรุปการลงทุน หลังเจรจายืดเยื้อกว่า 4 ปี

อาเซียนและจีนได้เริ่มกระบวนการเจรจาทบทวนความตกลงการค้าสินค้าเพื่อพิจารณาว่าจะมีการเร่งรัดการลดภาษีระหว่างกันและมีมาตรการอำนวยสะดวกทางการค้าเพิ่มเติมหรือไม่

นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ในฐานะหัวหน้าคณะเจรจาของอาเซียนได้เปิดเผยถึง การเจรจาจัดทำความตกลงอาเซียน-จีน ครั้งที่ 27 เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 1 พฤศจิกายน 2550 ที่ผ่านมา ณ กรุงปักกิ่ง เพื่อจัดทำความตกลงด้านการลงทุนระหว่างกัน หลังการเจรจายืดเยื้อเป็นเวลากว่า 4 ปี และได้จัดทำความตกลงการค้าสินค้า และความตกลงการค้าบริการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

.

โดยความตกลงเรื่องการลงทุนครอบคลุมด้านการคุ้มครองการลงทุน การอำนวยสะดวกการลงทุน และการเปิดเสรีการลงทุน อย่างไรก็ตาม จีนยังไม่สามารถผูกพันการเปิดเสรีด้านการลงทุนในขณะนี้ได้ เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายรองรับ เพราะไม่เคยเปิดเสรีด้านการลงทุนกับประเทศคู่ค้าใด

.

ทั้งสองฝ่ายจึงเห็นพ้องในเบื้องต้นว่า ความตกลงการลงทุนระหว่างทั้งสองฝ่ายจะครอบคลุม ถึงการคุ้มครองการลงทุนที่มีคุณภาพ สำหรับการอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนจะจัดให้มีกลไกแก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนระหว่างกัน ส่วนด้านการเปิดเสรีการลงทุนนั้นจีนจะเจรจาเปิดตลาดให้กับอาเซียนทันทีเมื่อจีนพร้อมหรือได้เจรจาเปิดตลาดกับประเทศคู่ค้าอื่น และจะไม่เปิดตลาดให้กับอาเซียนน้อยไปกว่าประเทศคู่ค้าอื่น

.

ในปี 2549 การลงทุนระหว่างอาเซียนกับจีนมีมูลค่าสูงถึง 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมีอัตราการขยายตัวจากปี 2548 ร้อยละ 18 โดยมีการลงทุนจากอาเซียนไปยังจีนมีมูลค่า 3,124 ล้านเหรียญสหรัฐ นำโดยสิงคโปร์ ตามมาด้วย มาเลเซีย และไทยตามลำดับ ส่วนการลงทุนจากจีนมายังอาเซียนนั้นมีมูลค่า 937 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากความตกลงด้านการลงทุนแล้ว

.

อาเซียนและจีนยังอยู่ระหว่างการเจรจาจัดทำข้อผูกพันการเปิดเสรีการค้าบริการชุดที่สองด้วย โดยกำหนดให้แต่ละประเทศยื่นรายการ (list) ธุรกิจบริการที่จะเรียกร้องให้คู่เจรจาเปิดเสรีในปลายเดือนพฤศจิกายน 2550 และในต้นปี 2551 แต่ละประเทศจะต้องยื่น list ของธุรกิจบริการที่ตนยินยอมเปิดเสรี หลังจากนั้นจะมีการสรุปผลการเจรจากันในเดือนกรกฎาคมปีหน้า

.

ขณะนี้อาเซียนและจีนได้เริ่มกระบวนการเจรจาทบทวนความตกลงการค้าสินค้าเพื่อพิจารณาว่าจะมีการเร่งรัดการลดภาษีระหว่างกันและมีมาตรการอำนวยสะดวกทางการค้าเพิ่มเติมหรือไม่ และอยู่ระหว่างเจรจาลดหรือเลิกมาตรการกีดกันการค้าที่มิใช่ภาษีระหว่างกันด้วย ทั้งนี้จะให้การเจรจาในทุกๆ เรื่องแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคมปีหน้า