เนื้อหาวันที่ : 2018-03-07 11:25:54 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1440 views

ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย มั่นใจติดตั้ง EcoStruxure ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์เสถียรภาพเต็มร้อย

ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ดาต้าเซ็นเตอร์ที่ทันสมัยที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการลูกค้าทั้งในประเทศไทยและประเทศในกลุ่มอาเซียน พร้อมการันตีอัปไทม์ 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ต้องหวั่นระบบล่ม ได้นำโซลูชันอีโคสตรัคเจอร์หรือ EcoStruxure™ ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค มาใช้เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ด้านประสิทธิภาพและความพร้อมใช้งานให้กับบริการดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย

นางสุนิตา บ็อตเซ่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า "วิสัยทัศน์ของบริษัทคือการพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ไปสู่การเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคที่มีเทคโนโลยีที่ดีและล้ำหน้าที่สุด ซึ่งรวมเทคโนโลยีระดับโลกที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ให้คุณค่ามหาศาลพร้อมโอกาสที่เต็มเปี่ยม ดาต้าเซ็นเตอร์ของเราคือแบบสแตนด์อโลน สร้างขึ้นตามความต้องการเพื่อรองรับการใช้งานในลักษณะที่เป็น Mission Critical ช่วยให้ธุรกิจทำงานด้วยศักยภาพสูงสุด"

ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย รับประกันการให้ประสิทธิภาพด้านพลังงานต่อเนื่องเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยสถาปัตยกรรมด้านพลังงานที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยแบ่งการออกแบบพลังงานไฟฟ้าเป็น 3 ระบบ แต่ละระบบจะมาพร้อมกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าในตัว ระบบสำรองไฟ (UPS) อุปกรณ์ควบคุมและแจกจ่ายกระแสไฟฟ้า (PDU) ตู้ไฟฟ้าอัจฉริยะ (RPP) และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนงานต่าง ๆ ทั้งนี้ ดาต้าเซ็นเตอร์ของซุปเปอร์แนปมีระบบโครงสร้างหลังคา 2 ชั้น (Redundant Roof System) เป็นอิสระต่อกัน มีระยะห่างกัน 3 เมตร หลังคาทั้งภายในและภายนอกทำจากเหล็กกล้าที่แข็งแกร่ง ป้องกันการรั่วซึมของน้ำ สามารถต้านแรงลมที่มีอัตราความเร็วสูงถึง 200 ไมล์ต่อชั่วโมง (322 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ได้อีกด้วย ดาต้าเซ็นเตอร์แห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่รองรับการขยายถึง 120,000 ตารางเมตร โดยได้สร้างดาต้าเซ็นเตอร์ส่วนแรกเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยด้วยการออกแบบที่เหมาะสมในลักษณะแยกส่วน (Modular Design) ตัวอาคารส่วนแรกจะแบ่งออกเป็น 2 เซกเตอร์ แต่ละเซกเตอร์สามารถรองรับเซิร์ฟเวอร์ได้มากถึง 880 แร็ค พร้อมพลังงานไฟฟ้าเพื่อรองรับการทำงานสูงถึง 10 เมกะวัตต์ สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดนี้มุ่งรองรับการใช้งานของลูกค้าทั้งภายในประเทศและอุตสาหกรรมของประเทศในกลุ่มอาเซียน
"นอกเหนือจากการให้ความสามารถในการรองรับการขยายตัวและความพร้อมในการให้บริการ เรายังมีมาตรฐานด้านความปลอดภัยทางกายภาพถึง 7 ชั้น ทั้งหมดนี้เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่น พร้อมช่วยให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าข้อมูลของตนจะได้รับการดูแลเฝ้าระวังอย่างดีที่สุด ในระยะยาวเราได้มองการขยายการเติบโตเพื่อเป็นศูนย์กลาง (Hub) ของภูมิภาคอาเซียนทั้งหมด โดยจะสร้างอาคารดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มขึ้นอีก 2 หลัง 4 เซกเตอร์ พร้อมด้วยกำลังไฟฟ้าที่สูงถึง 40 เมกะวัตต์ รองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียในอนาคต" นางสุนิตากล่าวเสริม

ดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงาน
ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ไม่เพียงเน้นความพร้อมใช้งานและความสามารถในการรองรับการขยายเพิ่มในอนาคต หากยังให้ความสำคัญในเรื่องความยั่งยืนและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยแบ่งแยกพื้นที่ความร้อนในระบบที่เรียกว่า T-SCIF (Thermal Separate Space in Facility) เพื่อประสิทธิภาพของดาต้าเซ็นเตอร์ ทั้งนี้ T-SCIF คือแพลตฟอร์มเพื่อการควบคุมความร้อนได้แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยการแยกช่องทางความร้อนและความเย็นออกจากกันเพื่อให้มั่นใจว่าความร้อนจะไม่ปะปนเข้าไปในช่องทางการทำความเย็นของดาต้าเซ็นเตอร์ ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย คือผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์รายเดียวในภูมิภาคที่สามารถจ่ายลมเย็นได้ถึง 33 กิโลวัตต์ต่อตู้
"อย่างที่ทราบกันดีว่าดาต้าเซ็นเตอร์นั้นมีการใช้พลังงานจำนวนมาก แต่ดาต้าเซ็นเตอร์ของเราประหยัดพลังงาน เราสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร ไม่ก่อให้เกิดคาร์บอนฟุตพรินต์ในการประมวลผลคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพและความจุสูง ในขณะเดียวกันชไนเดอร์ อิเล็คทริค ก็ให้ความสำคัญต่อแนวคิดริเริ่มที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นี่คืออีกเหตุผลที่ทำให้เราเลือกชไนเดอร์ อิเล็คทริค เพราะมุ่งเน้นที่ความยั่งยืนและแหล่งพลังงานทดแทน ซึ่งสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของเรา” นางสุนิตาเปิดเผย

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค : พันธมิตรที่น่าเชื่อถือ
ในการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ทำงานอย่างใกล้ชิดกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในการนำโซลูชันแบบครบวงจรเข้ามาใช้ในการตรวจสอบควบคุมสภาพแวดล้อมเพื่อการปฏิบัติงานของดาต้าเซ็นเตอร์ ในฐานะของพันธมิตรระดับโลกที่ได้รับการคัดเลือกสำหรับโครงการนี้ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค จึงต้องทำงานอย่างใกล้ชิดกับซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ในการพัฒนาและปรับแต่งโซลูชัน EcoStruxure ให้สอดคล้องกับความต้องการของซุปเปอร์แนป ทั้งเรื่องการออกแบบ การสร้าง รวมถึงข้อกำหนดต่าง ๆ ซึ่งเป็นมาตรฐานการดำเนินงานของดาต้าเซ็นเตอร์
"ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เข้าใจรูปแบบและข้อกำหนดต่าง ๆ ที่เป็นมาตรฐานของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเข้าใจถึงวิธีการดำเนินงานของเราเป็นอย่างดี โซลูชัน EcoStruxure ให้ความยืดหยุ่น สามารถปรับใช้งานได้สอดคล้องตามความต้องการของเรา สิ่งสำคัญที่สุดที่นับเป็นประโยชน์มหาศาลต่อการทำงานของเราก็คือเมื่อเราเพิ่มขีดความสามารถให้กับดาต้าเซ็นเตอร์ที่ออกแบบมาแบบแยกส่วน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค สามารถให้การสนับสนุนในการเพิ่มขีดความสามารถรองรับการเติบโตของเรา" นางสุนิตาเน้นย้ำ

แนวโน้มตลาดและลูกค้าเป้าหมาย
สำหรับโอกาสทางการตลาดทั้งในประเทศไทยและประเทศในกลุ่มอาเซียน ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย เชื่อว่ามีอยู่มากมายมหาศาล เนื่องจากรัฐบาลในประเทศเหล่านี้ต่างมุ่งหน้าสู่การปฏิรูปและกำลังพยายามพัฒนาทั้งด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนการเชื่อมต่อ ผลักดันให้เกิดความต้องการดาต้าเซ็นเตอร์ที่เพิ่มมากขึ้น จากข้อมูลของไอดีซี ภายในปี 2020 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมญี่ปุ่น) ความต้องการปริมาณงานเพื่อการใช้แอปพลิเคชันรุ่นต่อไปและสถาปัตยกรรมทางไอทีรูปแบบใหม่ที่สำคัญกับระบบธุรกิจจะผลักดันให้องค์กรระดับเอ็นเตอร์ไพรส์กว่า 40 เปอร์เซ็นต์ต้องพัฒนาดาต้าเซ็นเตอร์ของตัวเองให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้นด้วยการอัปเดตระบบเดิมที่ใช้งานอยู่ หรือไม่ก็ต้องนำระบบใหม่เข้ามาใช้งาน ในประเทศไทยเองตลาดมีการเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ อาทิ คลาวด์คอมพิวติ้ง บิ๊กดาต้า และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) มาติดตั้งใช้งาน และจะนำไปสู่ความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเรื่องดาต้าเซ็นเตอร์ที่รองรับการขยายขีดความสามารถพร้อมกับให้ความปลอดภัย ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ได้แก่ หน่วยงานภาครัฐ ธนาคารและสถาบันการเงิน ธุรกิจด้านประกันภัย กลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพ ตลอดจนผู้ให้บริการโซลูชันด้านคลาวด์ และบริษัทอีคอมเมิร์ซข้ามชาติทั้งหลาย
"ในตลาดที่ผู้เล่นส่วนใหญ่ต่างท้าทายต่อกันด้วยการแข่งขันด้านราคา เราแนะนำให้ลูกค้าประเมินเปรียบเทียบโดยอาศัยข้อมูลอย่างละเอียดในด้านต่าง ๆ ทั้งการออกแบบ การก่อสร้าง ความพร้อมของระบบ ความน่าเชื่อถือ ความสามารถในการปรับขยายตามความต้องการ ความยืดหยุ่น ความปลอดภัยของการดำเนินงาน และความต่อเนื่องในการทำงาน (Uptime) เต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ คุณค่าต่าง ๆ เหล่านี้ รวมถึงคุณภาพในการบริการคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราแตกต่างจากคนอื่น ๆ” นางสุนิตากล่าวสรุป
ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชที่ 2 ในจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในการให้บริการสนับสนุนทั้งภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนกลุ่มนักลงทุนต่างชาติที่มีเป้าหมายในการลงทุนในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรือ Eastern Economic Corridor (EEC) ซึ่งเป็นเขตการลงทุนใหม่ของรัฐบาลที่ออกแบบมาเพื่อรองรับอุตสาหกรรมในยุคหน้าตอบสนองนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ไปพร้อมกัน

ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย: พันธมิตรสำคัญของโครงการ
นายมาร์ค เพลิทิเยร์ ประธาน บริษัท ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย
กล่าวว่าสำหรับโซลูชัน EcoStruxure ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้ทำงานในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่สามารถเชื่อมต่อการทำงานร่วมกัน ทั้งในระดับซอฟต์แวร์และการบริการต่าง ๆ โดยช่วยให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถเชื่อมต่อการทำงานเข้าด้วยกันเพื่อมอบโซลูชันผสานรวมการทำงานในแบบครบวงจรที่ตอบสนองความต้องการของซุปเปอร์แนป ประเทศไทย นอกจากนี้ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้พัฒนาและปรับแต่งระบบบริหารจัดการโครงสร้างดาต้าเซ็นเตอร์หรือ DCIM (Data Center Infrastructure Management) ให้ตรงกับความต้องการใช้งานเพื่อมอบ Tenant Portal ที่ตรงความต้องการใช้งานสำหรับผู้ใช้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ของซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ให้สามารถล็อกอินเพื่อเข้าถึงข้อมูลที่จัดเก็บได้สะดวก
"เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในทุกระดับของการทำงานเพื่อช่วยให้ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย สามารถมอบบริการดาต้าเซ็นเตอร์ที่สามารถทำงานต่อเนื่องตลอดเวลาหรืออัปไทม์ 100 เปอร์เซ็นต์ให้แก่ลูกค้าด้วยการใช้แพลตฟอร์ม EcoStruxure ของเรา ผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่หลากหลายของเราจึงสร้างความมั่นใจได้ในเรื่องการผสานการทำงานร่วมกันระหว่างองค์ประกอบหลัก ๆ ได้อย่างราบรื่น ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ที่เชื่อมต่อจนถึงแพลตฟอร์มในการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานดาต้าเซ็นเตอร์ที่ทันสมัยเพื่อช่วยให้ซุปเปอร์แนป ประเทศไทย ทำงานได้อย่างคล่องตัว นี่คือการที่เรามอบสิ่งที่เราเรียกว่านวัตกรรมในทุกระดับให้กับลูกค้า" นายมาร์คกล่าวปิดท้าย