เนื้อหาวันที่ : 2018-02-27 13:30:35 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1276 views

เน็ตแอพเน้นดึงศักยภาพของข้อมูลมาใช้ พร้อมชูวิสัยทัศน์ Data Fabric ที่ทำให้ธุรกิจองค์กรได้ประโยชน์สูงสุด

จากคาดการณ์ความต้องการใช้งานดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องประมาณ 30% เทียบปีต่อปีจนถึง พ.ศ. 2563 ธุุรกิจจะสามารถบริหารจัดการจัดการข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น ทำงานได้ฉลาดขึ้น สามารถปรับขยายโครงสร้างได้มากขึ้นกว่าเดิม แต่ถึงแม้จะมีการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างมากมาย ปัจจัยเหล่านี้ก็ไม่ได้อธิบายคุณลักษณะเฉพาะของไฮบริดคลาวด์ได้ และถึงแม้ไฮบริดคลาวด์จะมีรูปแบบที่โดดเด่นทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก เน็ตแอพในฐานะผู้นำทางด้านไฮบริดคลาวด์ มุ่งมั่นในการช่วยเหลือองค์กรทั่วโลกให้สามารถดึงศักยภาพอันทรงพลังของข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตในยุคที่ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างมั่นคง

นายวีระ อารีรัตนศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็ตแอพ ประจำมาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย กัมพูชา ลาว และเมียนมาร์ กล่าวว่าในช่วงหลายปีมานี้การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลเป็นแรงผลักที่ส่งผลให้ธุรกิจหันมาปรับเปลี่ยนกลยุทธ์จาก Process-centric : การใช้กระบวนการเป็นศูนย์กลางมาเป็น Data-centric : การใช้ข้อมูลเป็นศูนย์กลางแทน แต่ละองค์กรมีจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาขีดความสามารถเพื่อช่วยผลักดันธุรกิจของตนให้เติบโตด้วยสินทรัพย์อันมีค่าอย่าง “ข้อมูล” ด้วยเหตุนี้จึงมีการใช้งานเทคโนโลยีคลาวด์เพิ่มขึ้นพร้อม ๆ กับข้อมูลที่เกิดขึ้นวินาทีต่อวินาที การนำระบบคลาวด์คอมพิวติ้งมาใช้ในปี 2561 ทำให้สามารถคาดการณ์แนวโน้มการใช้ข้อมูลในปีถัดไปได้ว่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณอย่างแน่นอน
ผลสำรวจจากเดอะ ไรท์สเกล เกี่ยวกับการใช้งานคลาวด์ในปี 2561 หรือ The RightScale 2018 State of the Cloud Survey แสดงข้อมูลการลงทุนทางด้านคลาวด์คอมพิวติ้งขององค์กรที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า แต่อีกแง่หนึ่งพบว่า 35% ของมูลค่าการลงทุนใช้งานระบบคลาวด์ขององค์กรนั้นเป็นไปโดยสูญเปล่า ดังนั้นในปี 2561 การใช้งานระบบคลาวด์ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดจึงกลายเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานเลือกพิจารณาเป็นอันดับต้น ๆ ที่สำคัญองค์กรยังมีการให้ความสำคัญกับมัลติคลาวด์อย่างต่อเนื่อง หลายบริษัทรายงานว่าโดยเฉลี่ยพวกเขาใช้งานโซลูชันคลาวด์ที่หลากหลายถึง 5 รูปแบบ
“ปัจจุบันองค์กรทั่วโลก 81% ได้นำกลยุทธ์มัลติคลาวด์มาใช้งาน ขณะที่อีก 51% ใช้งานไฮบริดคลาวด์ อีก 31% ได้ยกระดับธุรกิจของตนไปสู่การใช้งานไพรเวตและพับลิกคลาวด์ควบคู่กันไป ทั้งนี้ เราคาดว่าข้อมูลจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินความสามารถในการเคลื่อนย้ายข้อมูลเหล่านั้น ทำให้นวัตกรรมอย่างการใช้เวอร์ชวลแเมชีนมาเป็นโครงสร้างพื้นฐานบนเครื่อง ‘Rideshare’ ให้แก่ดาต้าเซ็นเตอร์เป็นอีกหนึ่งทางออกที่สามารถรับมือกับความต้องการที่มีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที” วีระกล่าวย้ำ
เน็ตแอพพร้อมชูวิสัยทัศน์ Data Fabric โซลูชันที่ทำให้ลูกค้าระดับองค์กรในประเทศไทยสามารถจัดเก็บ บริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลบนแพลตฟอร์มไฮบริดคลาวด์และมัลติคลาวด์ได้อย่างทั่วถึง ทำให้ธุรกิจสามารถปรับขยายและเติบโตได้อย่างรวดเร็วด้วยการใช้ประโยชน์จากข้อมูลทั้งหมด ไม่ใช่แค่เพียงข้อมูลจากส่วนใดส่วนหนึ่งเท่านั้น รูปแบบของ Data Fabric เข้ามาช่วยเสริมยุทธศาสตร์ระดับโลกของเน็ตแอพในด้านการให้บริการสตอเรจระดับองค์กร ทำให้ผลประกอบการรายได้ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2560 เพิ่มขึ้นเกือบ 20% เมื่อเทียบกันปีต่อปี

เน็ตแอพกับวิสัยทัศน์ Data Fabric
ผู้นำขององค์กรต่างตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เกิดจากข้อมูลมหาศาลและการนำข้อมูลเหล่านั้นมาต่อยอดพัฒนาองค์กร สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความท้าทายนำมาซึ่งการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เป็น Data-centric หรือองค์กรที่ใช้ข้อมูลเป็นศูนย์กลาง ซึ่งถือเป็นภาระหน้าที่อันใหญ่หลวง ต้องอาศัยวิธีการที่จะทำให้องค์กรสามารถบริหารจัดการข้อมูลให้อย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ สามารถรองรับอนาคตและให้อิสระแก่ผู้ใช้งาน เน็ตแอพช่วยลดความยุ่งยากและบูรณาการการบริหารจัดการข้อมูลด้วย Data Fabric ได้โดยใช้

  • ไฮบริดคลาวด์กับประสิทธิภาพอันทรงพลัง : มอบอิสระให้คุณสามารถบริหารจัดการ รวมถึงเคลื่อนย้ายข้อมูลไปทุกที่บนคลาวด์ในทุกแพลตฟอร์มได้อย่างปลอดภัย
  • สร้างดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่ : มอบสเกลการปรับขยายที่ยืดหยุ่นและคุณภาพของบริการที่ทันสมัยผ่านแอปพลิเคชันได้ตามต้องการ
  • ระบบสตอเรจที่ทันสมัยผ่านทางการบริหารจัดการข้อมูล : อัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสร้างบริการทางด้านข้อมูลที่ทันสมัยสำหรับแอปพลิเคชันที่มีอยู่

ผนึกกำลังกับ Microsoft Azure
เน็ตแอพขยายพันธมิตรไฮบริดคลาวด์กับ Microsoft Azure ซึ่งลูกค้าสามารถนำแอปพลิเคชันของตนไปใช้ Azure ได้อย่างต่อเนื่องยืดหยุ่น มีประสิทธิภาพ มีความน่าเชื่อถือที่นำเสนอโดยบริการด้านข้อมูลของเน็ตแอพ

  • เน็ตแอพนำเสนอโซลูชันการจัดเก็บข้อมูลสำหรับแพลตฟอร์ม “Microsoft Azure” เปลี่ยนโลกของไฮบริดคลาวด์ด้วยเน็ตแอพและไมโครซอฟท์ เน็ตแอพจับมือกับ Microsoft Azure มอบทางเลือกให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากประสิทธิภาพและความประหยัดจากคลาวด์ เน็ตแอพพร้อมช่วยเหลือคุณเสมอไม่ว่าคุณจะกำลังพิจารณาแพลตฟอร์มคลาวด์อย่าง Azure เพื่อปรับขยายขอบเขตการป้องกันข้อมูล ปรับขยายเวิร์กโหลดไปสู่คลาวด์ หรือแม้กระทั่งการสั่งการต่าง ๆ บนระบบคลาวด์
  • จัดการข้อมูลแบบคลาวด์ Azure ของคุณด้วยคุณสมบัติระดับองค์กรที่คุ้นเคย
  • จัดเตรียมและจัดเก็บข้อมูลใน Azure ได้อย่างง่ายดายด้วยการปรับใช้ด้วยคอนเซ็ปต์ “ชี้และคลิก (Point-and-Click)” แบบง่าย ๆ
  • เพิ่มความเร็วในการสำรองข้อมูลทั้งหมดและคืนค่าให้เป็น Azure
  • ประหยัดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

โครงสร้างพื้นฐานไฮเปอร์คอนเวิร์จระดับองค์กรคือการเตรียมพร้อมไปสู่อนาคต
เน็ตแอพขยายพอร์ตโฟลิโอด้วยการอัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานไฮเปอร์คอนเวิร์จ (HCI), ไฮบริดคลาวด์ และโซลูชันเพื่อจัดการรูปแบบการบริโภค นำเสนอเครื่องมือที่เข้ามาจัดการกับผลกระทบที่เกิดจากข้อมูลได้อย่างเต็มประสิทธิภาพทุกแห่งหน สร้างมูลค่าให้กับทั้งองค์กร ความสมบูรณ์แบบของ Data Fabric ทำให้โครงสร้างพื้นฐานไฮเปอร์คอนเวิร์จถูกนำไปใช้งานเพื่อจัดการระบบการทำงานของดาต้าเซ็นเตอร์ ลดค่าใช้จ่ายทางด้านการบริหารจัดการ อย่างไรก็ตามโครงสร้างพื้นฐานไฮเปอร์คอนเวิร์จยังคงต้องพัฒนาเพื่อทำให้การสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่ประสบผลสำเร็จ พร้อมรองรับความต้องการในอนาคต นอกจากความเรียบง่ายที่คุณจะได้รับ สิ่งที่ทำให้โครงสร้างพื้นฐานไฮเปอร์คอนเวิร์จระดับองค์กรนั้นโดดเด่นและแตกต่างมีดังนี้

  1. ความสามารถในการคาดการณ์ (Predictable) : เมื่อคุณมีแอปพลิเคชันอยู่บนโครงสร้างพื้นฐานเดียวกัน อาจมีความเป็นไปได้ที่แอปพลิเคชันต่าง ๆ จะไปรบกวนประสิทธิภาพการทำงานของกันและกันได้
  2. ความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับขยาย (Flexible and Scalable) : HCI จะต้องมีความสามารถในการปรับขยายการประมวลผลและการจัดเก็บทรัพยากรข้อมูลได้อย่างอิสระ
  3. การทำงานโดยอัตโนมัติ (Automated) : ระบบออโตเมชันจะช่วยลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากการทำงานของคนได้ ทั้งยังช่วยให้พนักงานสามารถบริหารเวลาที่ไปกับหน้าที่สำคัญเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แม้ว่าหลาย ๆ โซลูชันของ HCI จะมีโหนดที่รวมการคำนวณและการจัดเก็บ (Storage) NetApp HCI ช่วยให้ลูกค้าสามารถเพิ่มโหนดการจัดเก็บ (Storage Nodes) หรือโหนดคำนวณ (Compute Nodes) ได้ตามต้องการ มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเนื่องจากความต้องการของโปรแกรมเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลา
"ขณะที่ความสามารถและการแข่งขันทางธุรกิจยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการหรือธุรกิจและผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ก็จะต้องหาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างให้ตัวเองโดยการปลดล็อคข้อจำกัดของข้อมูลที่มีค่า เทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลที่ดีที่สุดของ NetApp ควบคู่ไปกับความเชี่ยวชาญระดับโลกในการจัดการแบบผสมผสานและแบบมัลติคลาวด์ ทำให้เรามีความแข็งแกร่งในการรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบดิจิทัลของประเทศไทยและก้าวไกลไปสู่ระดับภูมิภาค" วีระกล่าวสรุป