เนื้อหาวันที่ : 2017-11-21 09:06:30 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1225 views

เอปสัน เปิดตัวแคมเปญ IT’S IN THE DETAILS หนุนวิสัยทัศน์รุกตลาดองค์กรธุรกิจเต็มอัตรา

 นายยรรยง มุนีมงคลทร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปี 2559 เอปสันประกาศ วิสัยทัศน์ Epson 25 ซึ่งกำหนดเป้าหมายสำหรับปี 2025 (พ.ศ. 2568) ไว้ว่าเอปสันจะสร้าง Connected Age ยุคใหม่ที่เชื่อมโยงผู้คน สิ่งของ และข้อมูลเข้าด้วยกัน ผ่านเทคโนโลยีอันทรงประสิทธิภาพและแม่นยำที่มีขนาดกะทัดรัดของเอปสัน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 4 สายผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ พรินเตอร์ อุปกรณ์สื่อสารด้วยภาพ อุปกรณ์สวมใส่ติดตัวหรือพกพาได้ และหุ่นยนต์ วิสัยทัศน์ดังกล่าวได้กำหนดตั้งแต่แนวทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงกลุ่มเป้าหมายการทำตลาดของบริษัทฯ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายหลังที่เอปสันเริ่มรุกตลาดองค์กรธุรกิจหรือ B2B อย่างเต็มตัวตั้งแต่ปี 2558 ธุรกิจของบริษัทฯ ทั่วภูมิภาคก็เติบโตขึ้นเฉลี่ยปีละ 11.3% และแต่ละสายผลิตภัณฑ์ก็มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ”

 “ในวันนี้เอปสันจึงต้องการตอกย้ำถึงแนวทางในการทำธุรกิจที่เน้นตลาด B2B โดยมุ่งที่จะตอบโจทย์ความต้องการ ที่องค์กรธุรกิจทุกขนาดถามหา นั่นก็คือ คุณค่าที่จะได้รับจากเทคโนโลยีที่เลือกใช้ ทั้งในด้านประสิทธิภาพของตัวผลิตภัณฑ์ ความคุ้มค่าในการลงทุน การบริการที่ได้มาตรฐาน การรับประกันสินค้าจากเจ้าของแบรนด์ ไปจนถึง การรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเอปสัน ประเทศไทยเองได้กำหนดกลยุทธ์ไว้ 4 ด้าน ได้แก่ Cusotmer Solutions คือการตอบรับความต้องการของลูกค้าในรูปแบบโซลูชั่นจากการเชื่อมรวมเทคโนโลยีของเอปสัน นำมาออกแบบโดยคำนึงถึงประเภทธุรกิจ กระบวนการและขั้นตอนการทำงาน รวมถึงเป้าประสงค์ทางธุรกิจของลูกค้า, Customer Values เพื่อให้ลูกค้าเชื่อมั่นในแบรนด์และตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์เอปสัน, Convenience Channel คือการขยายเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุม ตลาดเป้าหมาย รวมไปถึงช่องทางจำหน่ายเฉพาะทางสำหรับผลิตภัณฑ์บางประเภทอย่างเช่น แว่นตาอัจฉริยะ และหุ่นยนต์แขนกล และสุดท้ายคือ Communications เป็นการสื่อสารที่จะช่วยให้องค์กรธุรกิจใน อุตสาหกรรมสามารถจดจำแบรนด์และคุณค่าด้านต่าง ๆ ผ่านสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์และกิจกรรมการตลาด”

“ในการสนับสนุนกลยุทธ์รุกตลาด B2B ครั้งนี้ บริษัทฯ ได้ออกแคมเปญ It’s in the Details ขึ้นมา เพื่อสื่อสารกับธุรกิจทั่วประเทศไทยว่าทุกนวัตกรรมของเอปสัน ใส่ใจในทุกรายละเอียด จึงสามารถตอบโจทย์ของทุกธุรกิจได้อย่างสมบูรณ์แบบ เอปสันจึงเป็นแบรนด์อันดับหนึ่ง เพื่อธุรกิจ B2B อย่างแท้จริง ซึ่งภายใต้แคมเปญนี้ บริษัทฯ เตรียมที่จะใช้งบประมาณด้านสื่อสารการตลาดจำนวน 15 ล้านบาท จากนี้ไปจนถึงสิ้นสุดปีงบประมาณของบริษัทฯ ในเดือนมีนาคม 2561 เพื่อปั้นแคมเปญให้เป็นที่รู้จัก ผ่านสื่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงกิจกรรมการตลาด เช่น โร้ดโชว์สินค้าทั่วประเทศ”

โดยเอปสันจะเล่าถึงแคมเปญนี้ผ่านผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 สายที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ได้แก่ อิงก์เจ็ตพรินเตอร์ ที่มีจุดขายอยู่ที่เทคโนโลยี PrecisionCore Line Head หัวพิมพ์ไมโครปิเอโซรุ่นใหม่ที่สามารถพิมพ์งานได้เร็วขึ้น ให้คุณภาพงานที่ดีขึ้น และรองรับการพิมพ์งานได้มากขึ้น ทั้งยังประหยัดต้นทุนการพิมพ์ต่อแผ่น คุ้มค่ากว่าเลเซอร์พรินเตอร์และเครื่องถ่ายเอกสาร ส่วนด้านการพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม เอปสันยังคงผลักดันให้ผู้ประกอบการก้าวออกจากการพิมพ์ระบบอะนาลอกไปสู่ดิจิทัล เพื่อรองรับความต้องการที่ขยายตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ และยังเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อรองรับทั้งงานด้านภาพกราฟิก ป้ายโฆษณา สิ่งทอ และฉลาก รวมถึงตอบสนองความต้องการของร้านรับพิมพ์งาน และร้านค้าปลีกอีกด้วย

สายผลิตภัณฑ์อุปกรณ์สื่อสารด้วยภาพ ในส่วนของโปรเจ็กเตอร์ เอปสันมุ่งนำเสนอความแตกต่างและข้อได้เปรียบ ของโปรเจ็กเตอร์เอปสันเมื่อเทียบกับแบรนด์คู่แข่ง ด้วยการสร้างประสบการณ์การใช้งานโปรเจ็กเตอร์จริงในสภาพแวดล้อมของธุรกิจประเภทต่าง ๆ รวมถึงในชีวิตประจำวันของลูกค้า ล่าสุดบริษัทฯ ยังได้เสริมทัพเลเซอร์โปรเจ็กเตอร์ความสว่างสูง เพื่อรองรับความต้องการจากองค์กรขนาดใหญ่ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ ธุรกิจบริการให้เช่าเครื่องโปรเจ็กเตอร์ ธุรกิจพัฒนาคอนเทนต์ และออร์แกไนเซอร์ ทำให้เอปสันเป็นผู้ผลิตโปรเจ็กเตอร์เพียงรายเดียวในตลาดที่มีผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกกลุ่มตั้งแต่รุ่นเล็กสุด (Smart Series) จนถึงรุ่นใหญ่สุด (High Performance Series) รวมกว่า 60 รุ่น ส่วนผลิตภัณฑ์แว่นตาอัจฉริยะ Moverio เอปสันเตรียมที่จะเพิ่มจำนวนตัวแทนจำหน่ายและทำกิจกรรมการตลาดมากขึ้น พร้อมกับทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ด้านพัฒนาซอฟต์แวร์ เพื่อเพิ่มศักยภาพการใช้งาน Moverio ในเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น เอปสันยังมีแผนที่จะเปิดตัว Moverio รุ่นใหม่ ได้แก่ BT-350 และ BT-2200 ที่สามารถใช้กับเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) ได้

ขณะที่ด้านผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์แขนกล บริษัทฯ ได้เริ่มขยายตลาดไปยังกลุ่มโรงงานผลิตขนาดเล็กและกลางของคนไทย ทั้งในอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ควบคู่กับการรักษาฐานลูกค้า กลุ่มบริษัทข้ามชาติ นอกจากนี้เอปสันยังเน้นให้ความรู้กับโรงงานผลิตต่าง ๆ เกี่ยวกับนวัตกรรมของบริษัทฯ โดยจับมือกับสถาบันไทย-เยอรมัน (TGI) ในการเปิดศูนย์นวัตกรรมหุ่นยนต์เอปสัน เพื่อจัดแสดง ทำการสาธิต และเปิด คอร์สอบรมการใช้งานหุ่นยนต์เอปสันให้แก่บุคลากรจากโรงงานอุตสาหกรรมและจาก System Integrator

“เอปสัน ประเทศไทยมั่นใจว่ากลยุทธ์ในการรุกธุรกิจ B2B จะทำให้ธุรกิจของบริษัทฯ เติบโตขึ้นได้ตามเป้าหมายที่ กำหนดใน วิสัยทัศน์ Epson 25 ในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ภายในปี 2568 ทั้งนี้เนื่องจากประเทศไทยมีอัตราการเกิดใหม่ขององค์กรธุรกิจขนาดต่าง ๆ สูง ทั้งยังมีการขยายขนาดองค์กรอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นตลาดที่มีพฤติกรรมต้อนรับเทคโนโลยีที่เข้าไปพัฒนากระบวนการผลิตและการทำงานภายในองค์กร นอกจากนี้ ยังมีนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาลที่ออกมาเสริมเพื่อกระตุ้นให้ธุรกิจในด้านต่าง ๆ มีส่วนขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ซึ่งช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินกลยุทธ์รุก B2B ของเอปสันอีกด้วย” นายยรรยง กล่าวสรุป