ธุรกิจม่านปรับแสงไทยฝ่าเศรษฐกิจขาลง ยังโตได้ตามเป้า 1,000 ล้านบาท ตามกระแสการเติบโตธุรกิจม่านปรับแสงเอเชียที่โตกว่า 5,000 ล้านบาท ขณะที่ ฮันเตอร์ ดักลาส ประกาศเร่งเสริมศักยภาพพันธมิตรและคู่ค้า เพื่อ พัฒนาความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และรับมือการขยายตัวของตลาดที่มาพร้อมกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น

มร. จิม ตัน ผู้อำนวยการการตลาดประจำภูมิภาคเอเชีย บริษัท ฮันเตอร์ ดักลาส จำกัด ผู้นำธุรกิจม่านปรับแสงจากเนเธอแลนด์ เปิดเผยถึงภาพรวมของธุรกิจม่านปรับแสงว่าแนวโน้มยังเติบโตทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดในภูมิภาคเอเชียมีการเติบโตมากจนมูลค่ารวมสูงถึงกว่า 5,000 ล้านบาท ส่วนตลาดในประเทศไทยนั้นถือว่าเป็นไปตามเป้าที่คาดการไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท ถือเป็นแนวโน้มที่ดีในภาวะเศรษฐกิจขณะนี้

ซึ่ง ฮันเตอร์ ดักลาส ให้ความสนใจกับตลาดประเทศไทยอย่างมาก เนื่องจากพื้นฐานและศักยภาพของประเทศไทยถือว่าแข็งแกร่ง กระแสการใช้จ่ายในภาคค้าปลีกแม้จะลดลงบ้างเป็นเพียงระยะสั้น ผู้บริโภคเป้าหมายส่วนใหญ่มีการศึกษาดี มีอำนาจการใช้จ่ายสูง และยอมรับที่จะทดลองกับนวัตกรรมใหม่ๆ ของผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านจากต่างประเทศ

ด้านกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจนั้น ฮันเตอร์ ดักลาส มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจแบบเดียวกันทั่วเอเชีย คือร่วมมือกับพันธมิตรในการเปิด " ฮันเตอร์ ดักลาส วินโดว์  แฟชันส์ แกลลอรี " เพื่อเป็นศูนย์การจำหน่าย, การให้บริการ และการสาธิตผลิตภัณฑ์ เป็นการนำระบบมาตรฐานของบริษัทมาประยุกต์เข้ากับการดำเนินธุรกิจของพันธมิตรในแต่ละประเทศ ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตลาด และจากความสำเร็จในการรุกตลาดเอเชียทำให้ ฮันเตอร์ ดักลาส ให้ความสำคัญต่อตลาดในภูมิภาคนี้และประเทศไทยมากขึ้น

โดยวิทยากรที่จะมาบรรยายในการสัมมนานั้น ล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับในระดับโลก อาทิ พลเอก คอลลิน พาวเวลล์ อดีตผู้นำกองทัพสหรัฐ, มร . แดเนียล เบอรัส นักกลยุทธ์และวางแผนอนาคตด้านเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก และ  มร . มิเชล  แลมบ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดและวิเคราะห์กระแสแฟชันในด้านการตกแต่งบ้านและการออกแบบภายใน เนื้อหาของการสัมมนาจะพูดถึงแนวโน้มผลิตภัณฑ์ตกแต่งใหม่ๆ, การพูดเพื่อจูงใจ, ความมุ่งมั่นของการเป็นผู้นำ , การบริหารบุคคลและการบริหารเวลา, ทักษะการขาย และการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่จากบริษัทฯ นอกจากนั้นผู้เข้าร่วมสัมนาได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และสร้างความสัมพันธ์กับดีลเลอร์ของ ฮันเตอร์ ดักลาส ทั่วโลกอีกด้วย

.

ด้าน นางสาว นวลชล ผ่องสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮันเตอร์ ดักลาส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเพิ่มเติมถึงตลาดม่านปรับแสงในประเทศไทยว่า ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและสามารถเติบโตได้อีกมาก โดยปัจจุบันตลาดม่านปรับแสงในไทยอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท ฮันเตอร์ ดักลาส มีส่วนแบ่งไม่น้อยกว่า 10% ซึ่งการเติบโตของตลาดม่านปรับแสงอาจเพิ่มขึ้นถึง 10,000 ล้านบาทเท่ากับยุโรปในอนาคต ด้วยเหตุนี้ทำให้บริษัทฯ ได้ลงทุนในการ ขยายโรงงานประกอบผลิตภัณฑ์ และเครือข่ายการกระจายสินค้าขึ้นในประเทศไทย

พร้อมทั้งเร่งดำเนินการสร้างเครือข่าย ฮันเตอร์ ดักลาส วินโดว์  แฟชันส์ แกลลอรี อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้มีกำหนดเปิดเพิ่มอีก 8 แห่ง ส่วนแผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น จะเพิ่มอีกหลายรุ่น อาทิ ม่านปรับแสง ดูเอทท์ ฮันนีคอมบ์ ในรุ่น อาคิเทลลา ที่มีช่องอากาศซ้อนกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกั้นความร้อน, ม่านปรับแสงซิลลูเอทท์ , ม่านปรับแสงแบบม้วนและกลุ่มผ้ากรองแสงแบบซันสกรีน ในชื่อ ออฟติมาและ กรีนสกรีน

สำหรับการสัมมนาเพื่อพัฒนาศักยภาพแก่พันธมิตร บริษัท ฮันเตอร์ ดักลาส ในชื่อ " อินเตอร์เนชันแนล อัลไลแอนซ์ คอนเฟอร์เรนซ์ (IAC)" ที่จะจัดขึ้นนั้น ถือเป็นโอกาสดีของประเทศไทยที่ได้ต้อนรับตัวแทนทั้งหมดจากเอเชียก่อนการเข้าร่วมประชุมที่สหรัฐอเมริกา เพราะทำให้สามารถสร้างความเข้าใจถึงภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบัน และยังแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ รวมทั้งยังแสดงให้ตัวแทนทั้งหมดเห็นถึงศักยภาพ โอกาสและการเติบโตของตลาดม่านปรับแสงในประเทศไทยอีกด้วย

บริษัท ฮันเตอร์ ดักลาส เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ม่านปรับแสงระดับโลก ซึ่งเป็นที่รู้จักและยอมรับในคุณภาพและนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดี ปัจจุบันมีบริษัทในเครือกว่า 164  แห่ง เป็นโรงงานผลิตอุปกรณ์และชิ้นส่วน 65 แห่ง, โรงงานประกอบผลิตภัณฑ์  99  แห่ง   มีสำนักงานอยู่ทั่วโลกกว่า 100 ประเทศ และมีพนักงานกว่า 20, 000  คน สำหรับ บริษัท  ฮันเตอร์ ดักลาส (ประเทศไทย) จำกัด นั้น ก่อตั้งในประเทศไทยมากว่า 18   ปี เป็นผู้นำในด้านผลิตภัณฑ์ม่านปรับแสง ที่ได้รับการยอมรับจากกลุ่มผู้ออกแบบและผู้บริโภคเป็นอย่างดี โดยมีสำนักงานภูมิภาคเอเชียอยู่ประเทศมาเลเซีย