เนื้อหาวันที่ : 2017-03-07 17:16:06 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1421 views

Under Armour (อันเดอร์ อาร์เมอร์) เปิดตัวไฮไลท์แห่งปี ตอกย้ำการเป็นเพอฟอร์มานส์ สปอร์ตแวร์ ที่ช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้สวมใส่ในทุกมิติ

เมื่อเร็ว ๆ นี้ อีวอน เทย์ (ที่ 4 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดแห่งภูมิภาค บริษัท ทริปเปิ้ล ไพรเวท ลิมิเต็ด ผู้จัดจำหน่าย Under Armour (อันเดอร์ อาร์เมอร์) และ พรศักดิ์ ชินวงศ์วัฒนา (ที่ 2 จากขวาสุด) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรฟ แถลงข่าวกิจกรรมสำคัญแห่งปี 2017 ณ ศูนย์การค้าเมกา บางนา ตอกย้ำการเป็นเพอฟอร์มานส์ สปอร์ตแวร์ ที่ช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้สวมใส่ในทุกมิติ

Under Armour (อันเดอร์ อาร์เมอร์) ผู้นำด้านการผลิตเสื้อผ้ากีฬาด้วยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ เปิดตัวไฮไลท์แห่งปีเพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็นแบรนด์เสื้อผ้ากีฬาสไตล์เพอฟอร์มานส์ สปอร์ตแวร์ ที่ช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้สวมใส่ผ่านความหลงใหล การออกแบบและการคิดค้นนวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง

ปัจจุบัน Under Armour ประเทศไทยมีสาขารวม 9 แห่ง นำเสนอผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าและเอสเซสเซอร์รี่กีฬาสำหรับการเทรนนิ่งซึ่งเป็นฐานสำคัญของการพัฒนาศักยภาพในกีฬาทุกประเภท โดยยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถแสดงศักยภาพได้ดีขึ้น

ในปี 2560 Under Armour ยังคงเดินหน้าสร้างแพลตฟอร์มกีฬาต่างๆที่ช่วยส่งเสริมศักยภาพของผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง ด้วยการนำ Under Armour Test of Will การแข่งขันแบบฟังก์ชันนอล เทรนนิ่ง รายการใหญ่ประจำปี กลับมาอีกครั้งเป็นปีที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18–19 มีนาคม 2560 เวลา 10.00-20.00 น. ณ ศูนย์การค้าเมกา บางนา เพื่อเป็นเวทีทดสอบความแข็งแกร่งและหัวใจนักสู้ของกลุ่มนักกีฬาและผู้ที่ชื่นชอบความท้าทาย

Under Armour Test of Will เป็นเวทีระดับภูมิภาคจัดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย โดยปีนี้ได้จัดเพิ่มอีกใน 2 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซียและบรูไน รวม 6 ประเทศ โดยถูกออกแบบมาให้มีความเข้มข้นมากกว่าปี 2559 ที่ผ่านมา ผู้แข่งขันลงแข่งในเวลา 4 นาที ใน 4 ท่า ประกอบด้วย เบอร์พีส์ (Burpees), วัน อาร์ม ทรัสเตอร์ (One Arm Thruster), ทีอาร์เอ็กซ์ โรว์ (TRX Rows) และแซนด์แบค โทรว์ (Sandbag Throw) โดยนับคะแนนจากจำนวนครั้งที่ทำได้ในแต่ละท่าภายในเวลา 1 นาที ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดประเภทชายและหญิงจากแต่ละประเทศจะได้รับแพ็คเกจเดินทางไปร่วมแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระดับภูมิภาคในวันที่ 6 พฤษภาคม 2560 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

ผู้ชนะประเทศไทยจะได้รับรางวัลเงินสดและรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่า 100,000 บาท และโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเพื่อชิงรางวัลเงินสดมูลค่า 2,500 สิงคโปร์ดอลลาร์ ผู้สนใจที่มีอายุ 21 ปี ขึ้นไปและพำนักอยู่ในประเทศไทยสามารถลงทะเบียนร่วมกิจกรรมโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายได้แล้วที่ testfofwill.com

ไมเคิล บิงเกอร์ ประธานบริหาร และ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ทริปเปิ้ล (Triple Pte. Ltd) ผู้จัดจำหน่าย Under Armour แต่เพียงผู้เดียวในเอเชียตะวันออกฉียงใต้ กล่าวว่า “Under Armour Test of Will เปิดกว้างสำหรับทุกคนเทรนและต้องการทดสอบสมรรถภาพของตัวเอง ปีที่แล้วเราได้แชมป์จากนักกีฬาที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย เวทีนี้จึงสะท้อนถึงความแน่วแน่และหัวใจนักสู้ หรือ อันเดอร์ด็อก สปิริต แนวคิดที่  Under Armour ยึดถือตลอดมา”

นอกจากการสร้างแพลตฟอร์มด้านกีฬาแล้ว Under Armour ยังทำงานร่วมกับนักกีฬาและอินฟลูเอ็นเซอร์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนหันมาออกกำลังกายและดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยในปีนี้  Under Armour เฟ้นหาคนที่มีวินัยและมีแนวคิดอันเดอร์ด็อก สปิริต ที่สอดคล้องกับแบรนด์รวม 19 คน จากกีฬาแขนงต่าง ๆ ประกอบด้วย CrossFit เพาะกาย ไตรกีฬา เทนนิส มวย กีฬาต่อสู้ บาสเก็ตบอล ฟิตเนส พิลาทิส โยคะ และกีฬาเต้น

เทคโนโลยีเสริมประสิทธิภาพคือหัวใจสำคัญของการเติบโตของแบรนด์ เมื่อเร็วๆ นี้ Under Armour เปิดตัวเสื้อผ้าและรองเท้ากีฬาตัวคอลเลคชั่นล่าสุดที่ถูกพัฒนาด้วยเทคโนโลยี Threadborne™ (เทรดบอร์น) อาทิ Threadborne™ Siro (เทรดบอร์น ไซโร) คอลเลคชั่น และซีมเลส (Seamless) คอลเลคชั่น ที่ผลิตขึ้นเทคนิคทางด้านวิศวกรรมล้ำสมัยที่ฉีกกฎของการออกแบบเดิมๆ ให้ความสบายและช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้สวมใส่ไปสู่อีกมิติ น้ำหนักเบา ระบายอากาศได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้ร่างกายแห้งเร็วขึ้นและรู้สึกเย็นเบาสบาย มีความยืดหยุ่น คล่องตัว กระชับพอเหมาะแต่ไม่แนบติดกับร่างกาย โดยเทคโนโลยี Threadborne™ (เทรดบอร์น) ถูกผลิตเป็นส่วนประกอบของรองเท้าบาสเก็ตบอลของซุปเปอร์สตาร์บาสเก็ตบอล UA Curry 3 รองเท้า UA SpeedForm® Gemini 3 (ยูเอ สปีดฟอร์ม เจมิไน 3) และผลิตภัณฑ์อื่นๆตั้งแต่สปริง/ซัมเมอร์ คอลเลคชั่น 2017 เป็นต้นไป

ไมเคิล กล่าวเพิ่มเติมว่า “Under Armour นำเส้นด้ายพิเศษที่มีความคงทนจากเชือกของร่มชูชีพนำมาผลิตขึ้นเป็น “เส้นใยชนิดพิเศษ” ที่ทนทานต่อการใช้งานอย่างสมบุกสมบัน ทำให้เส้นใยดังกล่าวกลายเป็นเนื้อผ้าเจนเนอร์เรชั่นใหม่ที่ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถแสดงศักยภาพได้ดีขึ้นโดยยังคงสวมใส่สบายและขณะเดียวกันก็มีความทนทาน”

Under Armour มีสาขาทั้งสิ้น 9 แห่ง ได้แก่ สยาม เซ็นเตอร์, เมกา บางนา, สเปล แอท ฟิวเจอร์ พาร์ค, สยามพารากอน, เอ็มโพเรียม, ดิ เอ็มควอเทียร์, เอาท์เล็ต เมืองทอง ธานี, เซ็นทรัลเฟสติวอล พัทยา และจังซีลอน ภูเก็ต สามารถติดตามกิจกรรม Under Armour ประเทศไทยได้ทาง เฟสบุ๊ค Under Armour Thailand หรืออินสตาแกรม @underarmourth