เนื้อหาวันที่ : 2007-09-10 10:27:50 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1883 views

อุตฯเครื่องใช้ไฟฟ้าใกล้อิ่มตัวเตรียมปรับโครงสร้างทั้งระบบ

ประธานฯกลุ่มไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ ชี้หลังปี 51 ส่งออกไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ไม่พุ่งเหตุอุตสาหกรรมเริ่มอิ่มตัว แนะปรับโครงสร้างเพิ่มขีดแข่งขัน ยันไทยยังเป็นฐานผลิตที่ดีกว่าเวียดนาม ด้านสถานการณ์ปีหน้าหวั่นผลกระทบเศรษฐกิจอเมริกาชะลอจะกระทบถึงการส่งออก

ประธานฯกลุ่มไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ชี้หลังปี 51 ส่งออกไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ไม่พุ่งเหตุอุตสาหกรรมเริ่มอิ่มตัว แนะปรับโครงสร้างเพิ่มขีดแข่งขัน ยันไทยยังเป็นฐานผลิตที่ดีกว่าเวียดนาม ด้านสถานการณ์ปีหน้าหวั่นผลกระทบเศรษฐกิจอเมริกาชะลอจะกระทบถึงการส่งออก

.

ดร. ขัติยา ไกรกาญจน์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงทิศทางของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ว่า หลังจากนี้ไปอุตสาหกรรมดังกล่าวจะต้องมีการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยยอมรับว่าหลังจากปี 2551 การส่งออกสินค้าดังกล่าวจะไม่มีการขยายตัวสูงมากเท่ากับในช่วง2-3ปีที่ผ่านมาที่มีการเติบโตประมาณ 20% เนื่องจากจะเข้าสู่ช่วงอิ่มตัวจากการเก็บเกี่ยวผลตอบแทนหลังจากการลงทุนครั้งใหญ่ตั้งแต่ปี 2548

.

ทั้งนี้มองว่าการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ควรจะมีการผลักดันใน 4 ประเด็นหลักได้แก่ การพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานเนื่องจากขณะนี้แรงงานที่มีฝีมือขาดแคลนค่อนข้างมากประมาณหลายหมื่นคน การปรับปรุงการถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยีที่ภาครัฐจะสนับสนุนเอกชนให้ได้ประสิทธิภาพ การปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิตภายในของเอกชนเอง และการให้ผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก(เอสเอ็มอี)เร่งขยายโอกาสทางการตลาดให้มีช่องทางการส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่างๆมากขึ้น

.

ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่า การลงทุนในอุตสาหกรรมดังกล่าวจะมีการย้ายฐานจากไทยไปยังเวียดนามมากขึ้นนั้น เห็นว่าขณะนี้การลงทุนในส่วนที่เป็นสินค้านวัตกรรมและใช้เทคโนโลยีสูงจะยังคงอยู่ที่ประเทศไทย เนื่องจากในขณะนี้เวียดนามยังไม่มีความพร้อมมากนัก สินค้าประเภทโครงสร้างพื้นฐานและชิ้นส่วนต่างๆยังต้องมีการนำเข้าจำนวนมากแม้จะมีข้อได้เปรียบในเรื่องค่าเงินและค่าแรงงานที่ต่ำ ทั้งนี้คาดว่าเวียดนามจะต้องใช้เวลาอีกประมาณ 10 ปีในการเตรียมความพร้อมดังกล่าวเพื่อดึงการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะจากญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาเข้าไปลงทุน

.

โดยขณะนี้ทางกลุ่มฯได้สนับสนุนให้สมาชิกในส่วนที่ผลิตสินค้าอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ประเภทโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ สายไฟฟ้า สายเคเบิ้ลวงจรและระบบไฟฟ้าต่างๆ หม้อแปลงไฟฟ้า เร่งขยายการส่งออกไปยังเวียดนามมากขึ้นเนื่องจากการที่ขณะนี้เวียดนามกำลังเร่งขยายตัวทางอุตสาหกรรมอย่างมากส่งผลให้มีความต้องการสินค้าประเภทดังกล่าวค่อนข้างสูงแต่มีการผลิตในประเทศน้อย โดยคาดว่าความต้องการดังกล่าวจะมีการเติบโตมากกว่าตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้สมาชิกของกลุ่มไฟฟ้าประมาณ 7 บริษัท ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตสินค้าประเภทดังกล่าวได้เดินทางไปยังประเทศเวียดนามเพื่อไปหาลู่ทางในการขยายตลาด

.

นอกจากนี้ยังกล่าวถึง สถานการณ์ของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2550 ว่า ในภาพรวมของอุตสาหกรรมดังกล่าวในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมายังคงมีการเติบโต เนื่องจากในส่วนของการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มีการขยายตัวถึง20% แม้ในส่วนของสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าจะขยายตัวต่ำเพียง 5%และตลาดในประเทศติดลบ10% เพราะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและสินค้าคุณภาพต่ำราคาถูกจากเข้ามาแย่งตลาด อย่างไรก็ตามคาดว่าในปีนี้มูลค่าการส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จะอยู่ที่ประมาณ1.7ล้านล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท

.

อย่างไรก็ตามแนวโน้มของสถานการณ์ของอุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2551 ขณะนี้ยังคงค่อนข้างประเมินยากว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร โดยคำสั่งซื้อล่วงหน้าล่าสุดของผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังเป็นคำสั่งซื้อในช่วงปลายปี ซึ่งในช่วงปลายไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะต้องมีการประเมินสภาพเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักของไทยอีกครั้งหากเศรษฐกิจของสหรัฐชะลอตัว ก็อาจส่งผลต่อการส่งออกสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ของไทยได้

.

ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ