เนื้อหาวันที่ : 2007-08-20 16:00:56 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1866 views

ไทย พร้อมเปิดประตูเชื่อมสัมพันธ์ต้อนรับโลกมุสลิมเข้าลงทุน

สสปน. ผนึกพลังจับมือสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมนักธุรกิจและอุตสาหกรรมไทย - มุสลิม และศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมจัดงาน"World of Muslim 2007" ครั้งแรกของประเทศไทย วันที่ 7 -9 กันยายน 2550 ในการจัดประชุมสัมมนาและงานแสดงสินค้าเพื่อโชว์ศักยภาพความพร้อมเต็มสูบของผู้ประกอบการไทย

สสปน. ผนึกพลังจับมือสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมนักธุรกิจและอุตสาหกรรมไทย - มุสลิม และศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมจัดงาน "World of Muslim 2007" ครั้งแรกของประเทศไทย วันที่ 7 -9 กันยายน 2550 ในการจัดประชุมสัมมนาและงานแสดงสินค้าเพื่อโชว์ศักยภาพความพร้อมเต็มสูบของผู้ประกอบการไทยและขยายโอกาสการค้าการลงทุนร่วมกันระหว่างไทยและมุสลิมพร้อมกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นตั้งแต่ระดับรัฐบาล เอกชน จนถึงรากหญ้า นำไปสู่ความสัมพันธ์อันยั่งยืนในทุกด้าน

.

นายขวัญชัย  โหมดประดิษฐ์  รักษาการ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. กล่าวว่า  จากการที่รัฐบาลได้มีนโยบายให้ความสำคัญกับการขยายการค้าและการลงทุนกับกลุ่มประเทศมุสลิมเป็นอย่างมาก  เนื่องจากเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง จึงเป็นโอกาสที่ประเทศไทยจะได้แสดงถึงศักยภาพและความพร้อมของภาคธุรกิจตลอดจนเป็นการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมไมซ์  ( MICE ) ของประเทศให้เป็นที่รู้จักแก่กลุ่มประเทศมุสลิม ดังนั้น สสปน.จึงร่วมมือกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมนักธุรกิจและอุตสาหกรรมไทย - มุสลิม TITIA (Thai-Islamic Trade and Industrial Association) และศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดงาน  “World of Muslim 2007”  ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย  ระหว่างวันที่ 7-9 กันยายน 2550 ณ อิมแพค เมืองทองธานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายความร่วมมือและโอกาส ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ตลอดจนการเผยแพร่วัฒนธรรมกับกลุ่มประเทศมุสลิม รวมทั้งยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์ตั้งแต่ระดับภาครัฐ และเอกชน ไปจนถึงประชาชนในระดับรากหญ้า นอกจากนี้ยังเป็น

.

นายขวัญชัย  โหมดประดิษฐ์ 

รักษาการ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน.

..

การสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวต่างชาติ และชาวมุสลิม เกี่ยวกับมาตรฐานการผลิตสินค้า และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลามของผู้ประกอบธุรกิจไทย ที่จะนำไปสู่การเชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างประเทศทางด้านการค้า วัฒนธรรม และการท่องเที่ยวที่สำคัญ การจัดงานในครั้งนี้จะเป็นการแสดง

.

ศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในความเป็นมืออาชีพในการจัดประชุมระดับสากล )International Convention) และการจัดงานแสดงสินค้า (Exhibition) เพื่อดึงดูดนักธุรกิจและกลุ่มเป้าหมายไมซ์ จากประเทศมุสลิมอีกด้วย นายขวัญชัยกล่าวต่อไปว่า "การจัดงานครั้งนี้ประกอบด้วยกิจกรรม 2 ส่วน คือ การจัดประชุมสัมมนา The 2nd International Islamic Economic, Cultural and Tourism Conference in Thailand 2007  ซึ่งเป็นการจัดประชุมประจำปีของสมาชิกประเทศมุสลิมว่าด้วยเรื่อง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของกลุ่มประเทศมุสลิม และอีกกิจกรรมหนึ่ง คือ งานแสดงสินค้า World of Muslim Trade & Exhibition ซึ่งเป็นการรวมตัวครั้งสำคัญของผู้ประกอบการและผู้ที่เกี่ยวข้องจากประเทศไทย  ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสอันดีที่นักธุรกิจไทยจะเปิดโลกทัศน์ทางการค้าอย่างใกล้ชิดกับกลุ่มผู้ค้าที่มาจากกลุ่มประเทศมุสลิมเพื่อความเข้าใจในกฏระเบียบด้านการทำธุรกิจกับประเทศมุสลิมทั้งยังจะได้แลกเปลี่ยนถ่ายทอดประสบการณ์องค์ความรู้ และมุมมองทางการค้า การจับคู่เจรจา สร้างโอกาสทางธุรกิจเพื่อการส่งออกและร่วมฟังสัมมนาในหัวข้อที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจฮาลาล จากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญชั้นนำทั้งจากประเทศไทยและนานาชาติที่ครบครัน"

.

นายขวัญชัยย้ำว่า "งานนี้ยังเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่าประเทศไทยมีความพร้อมแล้วที่จะเปิดประตูการค้าสู่ประเทศมุสลิม นับเป็นการจุดประกายให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลทุกภาคส่วน  ตั้งแต่ระดับรัฐบาล เอกชน จนถึงระดับรากหญ้า ด้วยการที่ประเทศไทยมีหน่วยงานสนับสนุนด้านวิชาการและเทคโนโลยีอย่าง ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในขณะเดียวกันประเทศไทยเองก็มีธุรกิจที่พร้อมสำหรับการลงทุนของชาวมุสลิม อาทิ ธุรกิจโรงพยาบาลและการดูแลสุขภาพ   การเงิน และอาหาร รวมทั้งยังมีหน่วยงานของมุสลิมที่ให้การสนับสนุนการลงทุน เช่น ธนาคารอิสลาม และกองทุน Sakad ที่รัฐบาลไทยได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เช่นกัน"

.

ส่วนนายฉัตรชัย  บุญรัตน์  รองประธานกรรมการหอการค้าไทยและประธานคณะกรรมการงานแสดงสินค้า หอการค้าไทย  กล่าวว่า "หอการค้าไทยได้ริเริ่มโครงการจัดนิทรรศการและงานแสดงสินค้า“World of Muslim 2007” ขึ้น ซึ่งเป็นงานที่ต่อยอดมาจากงานแสดงสินค้า THAIFEX-World of Food ASIA โดยมองเห็นถึงศักยภาพของตัวสินค้าที่เกี่ยวกับฮาลาล โดยเฉพาะมาตรฐานการรับรองฮาลาล ของศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับชาวต่างชาติในมาตรฐานการผลิตของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับชาวมุสลิม อันจะเป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายทางการค้า และเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ โดยมีแนวคิดที่จะผลักดันให้ประเทศไทย เป็นผู้นำ

.

ทางด้านการผลิตและการส่งออกอาหารฮาลาลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  ตลอดจนยังเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการบุกเบิกตลาดสินค้าฮาลาล จะได้แสดงศักยภาพ สร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานการผลิต สู่สายตาชาวต่างประเทศต่อไป"

.

"หอการค้าไทย หวังเป็นอย่างยิ่งว่างาน "World of Muslim 2007" จะเป็นเวทีการค้าสำคัญ ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้นำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ให้แก่นักธุรกิจที่เข้าชมงานได้ประจักษ์ และสร้างความเชื่อมั่นในมาตรฐานการผลิต เป็นโอกาสสร้างธุรกิจใหม่ๆ อันจะกระตุ้นให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ และ ผู้เข้าร่วมงาน ผู้เข้าชมงาน จะได้รับทราบข้อมูลทางการค้า การตลาด และความรู้ที่เกี่ยวข้องกับชาวมุสลิม มากขึ้นจากการจัดประชุมสัมมนา ในงานแสดงนิทรรศการในครั้งนี้นายฉัตรชัยกล่าว

.

ทางด้านนายอนิรุทธิ์ สมุทรโคจร  นายกสมาคมนักธุรกิจและอุตสาหกรรมไทย-มุสลิม  กล่าวว่า  ในส่วนของสมาคมนักธุรกิจและอุตสาหกรรมไทย-มุสลิม และ ICCI, Islamic Chamber of Commerce & Industry ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ และภาพลักษณ์รวมทั้งความเข้าใจอันดีระหว่างประเทศไทยกับประเทศมุสลิม จึงได้เน้นให้ความสำคัญกับการประชุมเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องชัดเจนสำหรับผู้ที่สนใจในการฟังการบรรยาย โดยคาดว่าในครั้งนี้จะมีสมาชิกผู้เข้าร่วมประชุมจากสามาชิก OIC-ICCI จำนวน 57 ประเทศ

.

ในการประชุมในครั้งนี้วันแรกจะจัดในรูปแบบ Thailand Day โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชียวชาญในส่วนของประเทศไทยที่มีศักยภาพในการรองรับการลงทุนและร่วมมือกัน ทางด้านต่างๆ เช่น Halal Product, Medical, Tourism ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมงานสามารถรับฟังการนำเสนอข้อมูลทั้งในส่วนของประเทศไทยและในส่วนของ OIC-ICCI ได้

.

ทางด้านรองศาสตราจารย์ ดร.วินัย ดะห์ลัน คณบดี คณะสหเวชศาสตร์  ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล และผู้อำนวยการศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจผลิตภัณฑ์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  กล่าวว่า แนวโน้มของการของการเติบโตของตลาดมุสลิมในประเทศไทย  มีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นทุกปี จากปี 2000 -2006  มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 12.47% สร้างรายได้ประมาณ 11,052  ล้านบาท/ปี  สำหรับการส่งออกในส่วนของสินค้าประเภทอาหารนั้น  ไทยมีการส่งออกเป็นอันดับที่ 12 ของโลก ส่วนสินค้าอาหารที่ประเทศไทยส่งออก ในปี 2006 ไทยมีส่วนแบ่งในตลาดอาหารฮาลาล ประมาณ 330 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 0.057% ซึ่งยังเป็นช่องว่างที่ประเทศไทยยังสามารถส่งออกไปได้เพิ่มเติมอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในตลาดใหม่ๆ ในกลุ่มประเทศมุสลิม เนื่องจากอาหารฮาลาลนั้น ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงโลกของมุสลิมเท่านั้น  ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมก็สามารถรับประทานทานได้ ปัจจุบันตลาดใหญ่ของอาหาร ฮาลาลอยู่ที่ อียู  และสหรัฐอเมริกา 

.

"ปัจจุบันประชากรมุสลิมมีอยู่ในโลกประมาณ  1,900 ล้านคน  มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีการขยายตัวเร็วมาก โดยเพิ่ม 2 - 3 เท่า มากกว่าประชากรกลุ่มอื่นๆ  ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของประเทศไทยที่จะขยายการค้ากับกลุ่มประเทศเหล่านี้ โดยต้องมีความเข้าใจในเรื่องของธุรกิจฮาลาลอย่างแท้จริง เนื่องจากฮาลาล ยังครอบคลุมกว้างขวางไปถึงโรงงาน ร้านอาหาร ภัตตาคาร การท่องเที่ยว เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม การเงิน การศึกษา ฯลฯ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ภาครัฐจะต้องกระตุ้นให้นักธุรกิจไทยร้อยละ 99% ที่ไม่ใช่มุสลิม เห็นโอกาสของฮาลาล มากขึ้น และจุดแข็งของประเทศไทยคือ การที่มีศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล  ซึ่งเป็นศูนย์แห่งแรกของโลกที่ดำเนินการในด้านนี้  สำหรับศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล ของไทย สามารถให้บริการที่หลากหลายและครอบคลุม อาทิ การจัดวางระบบในเรื่องการคิด การจัดวางระบบเอกสาร การจัดการ ที่เหมาะกับแต่ละองค์กร การวางระบบการจัดการด้าน logistic  ให้ถูกต้องตามหลักฮาลาล"

.

งาน World of Muslim 2007 นับเป็นเวทีสำหรับการประชุมและการแสดงสินค้าที่สำคัญงานหนึ่งสำหรับผู้ประกอบการและนักธุรกิจไทยในการแสดงศักยภาพและความพร้อม รวมทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสทางการค้าและการลงทุนกับกลุ่มประเทศมุสลิม โดยในส่วนของการแสดงสินค้านั้น จะมีสถาบันที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 200 รายที่ร่วมออกบูธเพื่อแสดงสินค้า Halal นอกจากนี้ยังมีการจัดประชุมสัมมนาย่อยที่น่าสนใจอีกมากมาย โดยการสนับสนุนจาก Organization of the Islamic Conference (OIC) และ Islamic Chamber of Commerce and Industry (ICCI) ซึ่งเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการเป็นสื่อกลางการเจรจาการค้าและธุรกิจ วัฒนธรรม ของกลุ่มประเทศมุสลิมที่มีสมาชิก 57 ประเทศทั่วโลก ซึ่งทำให้ผู้เข้าร่วมงานได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานดังกล่าวประมาณกว่า 15,000 คน และจะสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศประมาณ 400 ล้านบาท