เนื้อหาวันที่ : 2007-08-10 12:31:10 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2262 views

ฟิลิปส์ รุกหนักตลาดหลอดประหยัดไฟครึ่งปีหลัง 50 รักษาแชมป์

ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ เปิดแคมเปญ "Make A Simple Switch" เพื่อรณรงค์ให้ผู้บริโภคตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยวิธีการง่าย ๆ เพียงเปลี่ยนมาใช้หลอดประหยัดไฟฟิลิปส์ สามารถประหยัดไฟทันที 80 เปอร์เซ็นต์ และลดค่าไฟเฉลี่ยได้มากถึง 80 บาทต่อหลอดต่อเดือน

.

บริษัท ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดแคมเปญ "Make A Simple Switch" เพื่อรณรงค์ให้ผู้บริโภคตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยวิธีการง่าย ๆ เพียงเปลี่ยนมาใช้หลอดประหยัดไฟฟิลิปส์ สามารถประหยัดไฟทันที 80 เปอร์เซ็นต์ และลดค่าไฟเฉลี่ยได้มากถึง 80 บาทต่อหลอดต่อเดือน พร้อมเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาใหม่กระตุ้นความต้องการหลอดประหยัดพลังงานในประเทศไทย     ตอกย้ำความเป็นผู้นำของฟิลิปส์ด้านการบริหารการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในประเทศไทย

 .

คุณประกรณ์ เมฆจำเริญ ประธานและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด และผู้จัดการทั่วไป ส่วนกิจการไฟฟ้าและอุปกรณ์แสงสว่างฟิลิปส์ กล่าวว่า "การต่อสู้เพื่อการแก้ปัญหาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศและการลดภาวะโลกร้อน เป็นเรื่องที่สำคัญและท้าทายที่สุดในขณะนี้  แต่ก็ยังมีทางออกที่ทุก

 .

คนสามารถแก้ปัญหาได้ง่าย ๆ ดังนั้นฟิลิปส์จึงเปิดแคมเปญ Make A Simple Switch นี้ ขึ้นเพื่อนำเสนอโซลูชั่นเพื่อการประหยัดไฟแบบง่าย ๆ เป็นการชี้ให้ผู้บริโภคเห็นถึงความคุ้มค่าที่ได้จากการเปลี่ยนหลอดไส้มาใช้หลอดประหยัดไฟฟิลิปส์ อย่างเป็นรูปธรรม นั่นคือ ผลประโยชน์ต่อตัวผู้บริโภคเองซึ่งสามารถลดค่าไฟได้ทันทีเฉลี่ยประมาณ 80 บาทต่อหลอดต่อเดือน และช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดกับสิ่งแวดล้อมจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ นับเป็นอีกวิธีหนึ่งในการช่วยลดภาวะโลกร้อน เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคไทยเปลี่ยนมาใช้หลอดประหยัดไฟมากยิ่งขึ้น"

 .

ผลประโยชน์ที่คุ้มค่าต่อผู้บริโภคเมื่อเปลี่ยนมาใช้หลอดประหยัดไฟ : การเปลี่ยนมาใช้หลอดประหยัดไฟเป็นการลงทุนที่ให้ผลคุ้มค่ากว่า  แม้ว่าหลอดประหยัดไฟจะมีราคาแพงกว่าหลอดไส้ แต่เมื่อเปรียบเทียบคุณสมบัติและประสิทธิภาพแล้วหลอดประหยัดไฟฟิลิปส์นอกจากจะคุ้มค่าจากการประหยัดไฟถึง 80 เปอร์เซ็นต์ และลดค่าไฟที่ได้มากถึง 80 บาทต่อหลอดต่อเดือนแล้ว ยังมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 6,000 ชั่วโมงซึ่งนานกว่าหลอดไส้ถึง 6 เท่า เพราะฉะนั้นผู้บริโภคจะคุ้มทุนกับการเปลี่ยนมาใช้หลอดประหยัดไฟภายใน 2 เดือน  ทำให้เป็นแรงจูงใจให้เปลี่ยนมาใช้หลอดประหยัดไฟได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องรอให้หลอดขาดก่อน

 .

ยกตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนจากหลอดไส้ขนาด 100 วัตต์ มาใช้หลอดประหยัดไฟฟิลิปส์ขนาด 18 วัตต์ ที่ให้ความสว่างเท่ากัน และเปิดใช้งานวันละ10 ชั่วโมง ผู้บริโภคจะสามารถลดค่าไฟได้มากถึงประมาณ 80 บาท ต่อหลอดต่อเดือน จากการใช้พลังงานไฟฟ้าทั่วโลก 19 เปอร์เซ็นต์มาจากแสงสว่าง และหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้พลังงาน คาดว่า ในปี 2573 จะมีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นอีกถึง 80 เปอร์เซ็นต์

 .

ฟิลิปส์ในฐานะที่เป็นผู้นำด้านแสงสว่างระดับโลกได้คิดค้นและผลิตหลอดประหยัดไฟมาตั้งแต่ปี 2523 และได้ปรับปรุงพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ความเร็วในการเปิดไฟเร็วยิ่งขึ้น ให้แสงมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ขนาดของหลอดเล็กลงและราคาถูกลงด้วย  ทำให้ฟิลิปส์มีผลิตภัณฑ์ในกลุ่มหลอดประหยัดพลังงานหลากหลายรุ่น อาทิ รุ่นเอสเซนเชียล (ซูเปอร์คุ้ม) จีนี่ ทอร์นาโด และแอมเบียนซ์ ให้ผู้บริโภคชาวไทยสามารถเลือกได้ตรงตามความต้องการ 

 .

จากข้อมูลกระทรวงพลังงานพบว่าปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้หลอดไส้ประมาณ 30 ล้านหลอดทั่วประเทศ หากสามารถเปลี่ยนมาใช้หลอดประหยัดพลังงานได้ทั้งหมด ประเทศไทยจะสามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าลงปีละ 350 ล้านหน่วย หรือคิดเป็นเงินประมาณ 1,000 ล้านบาทต่อปี สามารถลดความต้องการโรงไฟฟ้าได้ 270 เมกะวัตต์ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ถึง 170,000 ตัน และลดการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเพื่อผลิตไฟฟ้าได้ 640 ล้านบาท 

 .

"เพียงเปลี่ยนมาใช้หลอดประหยัดไฟฟิลิปส์เพียง 1 หลอด สามารถช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ได้ถึง 328 กิโลกรัม หาก 1 ล้านครัวเรือนเปลี่ยนจากหลอดไส้มาใช้หลอดประหยัดพลังงานครัวเรือนละ 3 หลอด จะสามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 270 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี นับเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายในการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ช่วยลดปัญหาภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย" คุณประกรณ์กล่าว

 .

ฟิลิปส์วางแผนโปรโมทแคมเปญ Make A Simple Switch แบบครบวงจร ด้วยการเปิดภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ ที่จะมุ่งเน้นให้ผู้บริโภคเห็นถึงผลประโยชน์ที่จะได้จากการเปลี่ยนแบบง่ายๆ เพียงเปลี่ยนมาใช้หลอดประหยัดไฟฟิลิปส์ สามารถลดค่าไฟได้เฉลี่ย 80 บาทต่อหลอดต่อเดือน โดยจะออกอากาศตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2550 เป็นต้นไป  นอกจากนี้ฟิลิปส์ยังวางแผนจัดกิจกรรม roadshow ทั่วประเทศเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายให้ได้มากที่สุด โดยจะเข้าไปทำกิจกรรมสันทนาการพร้อมให้ความรู้ในรูปแบบ Infotainment เน้นให้ผู้บริโภคสามารถสัมผัสกับประสบการณ์จริงและเปรียบเทียบให้ผู้บริโภคทั่วไปเห็นความแตกต่างระหว่างการใช้หลอดไส้และหลอดประหยัดไฟ  และในการร่วมงานแสดงสินค้าต่างๆ ฟิลิปส์จะจัดบูธภายใต้แคมเปญ Make A Simple Switch พร้อมจัดทำสื่อการตลาดอื่นๆ เช่น โปสเตอร์ โบรชัวร์ และแผ่นพับ ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของการเปลี่ยนมาใช้หลอดประหยัดไฟ

 .

นอกจากนั้นฟิลิปส์ยังมุ่งเน้นการทำตลาดในส่วนของลูกค้าโครงการด้วยการนำเสนอโซลูชั่นการใช้แสงสว่างอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficient Lighting Solution) ผ่านการจัดสัมมนาเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ประกอบการในธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเลือกใช้อุปกรณ์แสงสว่างให้เหมาะกับสถานที่และสภาพ แวดล้อมที่แตกต่างกัน ซึ่งจะมีส่วนช่วยทำให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Management) ในขณะเดียวกันศักยภาพของแสงสว่างจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินธุรกิจ สามารถสร้างรายได้และผลกำไรให้กับธุรกิจนั้น ๆได้อีกด้วย

 .

คุณประกรณ์กล่าวว่า ฟิลิปส์คาดหวังให้ผู้บริโภคเข้าใจถึงประโยชน์ในการเปลี่ยนมาใช้หลอดประหยัดไฟ เพราะนอกจากจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคโดยตรงซึ่งเป็นการช่วยชาติประหยัดพลังงานแล้ว ยังสามารถช่วยสังคมและโลกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย