เนื้อหาวันที่ : 2007-08-06 15:01:28 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1981 views

ไทยยานยนต์เร่งเคาะราคา Audi R8 ซูเปอร์คาร์ แรงเหนือระดับ

บริษัท ไทยยานยนตร์ จำกัด เตรียมศึกษานำเข้ารถ Audi R8 ซุปเปอร์คาร์ตัวจริงที่มีสมรรถนะความแรงระดับลัมโบกินี แต่เหนือกว่าในด้านราคาโดยมีราคาประมาณ 23,000,000 บาท เข้ามาตอบสนองความต้องการกลุ่มลุกค้ารถหรูที่ชื่นชอบความแรง

 .

Audi R8 ซุปเปอร์คาร์คันแรกของ Audi กับความสำเร็จเหนือความคาดหมาย เร่งเพิ่มกำลังการผลิตเต็มที่เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด สำหรับรถสปอร์ต Audi R8 ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี FSI จากรถแข่งในชื่อเดียวกันคือ R8  Le Mans ที่ประสบความสำเร็จในสนามแข่งเลอมังส์ 24 ช.ม. โดยการคว้าชัยชนะถึง 5 ปี 5 สมัยติดต่อกัน โดยAudi มุ่งมั่นพัฒนานำเทคโนโลยี FSI ที่ให้ทั้งสมรรถนะที่เหนือกว่าและการประหยัดน้ำมัน มาใช้ในรถ สปอร์ตและรถใช้งานในเซกเมนท์อื่นๆ ล่าสุดเครื่องยนต์ 2.0 Turbo FSI สร้างเกียรติประวัติเช่นเดียวกับในสนามแข่งด้วยรางวัล “Engine of the Year” ติดต่อกันถึง 3 ปีซ้อน

 .

บริษัท ไทยยานยนตร์ จำกัด เตรียมศึกษานำเข้ารถ Audi R8 ซุปเปอร์คาร์ตัวจริงที่มีสมรรถนะความแรงระดับลัมโบกินี แต่เหนือกว่าในด้านราคาโดยมีราคาประมาณ 23,000,000 บาท เข้ามาตอบสนองความต้องการกลุ่มลุกค้ารถหรูที่ชื่นชอบความแรง

 .

นายกิตติ  มาไพศาลสิน กรรมการบริหาร บริษัท ไทยยานยนตร์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ออดี้ ใน เครือยนตรกิจ เปิดเผยว่า  บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อทำตลาดออดี้   R8  ซุปเปอร์คาร์ตัวจริง โดยในเบื้องต้น คาดว่า จะสามารถจำหน่าย R8 ในราคา ประมาณ 23,000,000 บาท ทั้งนี้บริษัทเตรียมนำเข้ามา ตอบสนองความต้องการกลุ่มลุกค้ารถหรูที่ชื่นชอบความแรง

 .

"นับจาก Audi R8 มีการเปิดตัวสู่สาธารณชนอย่างเป็นทางการ มีกระแสตอบรับที่ดีมากทั้งในตลาดยุโรปและอเมริกา มียอดจองอย่างล้นหลาม จนทำให้กำลังการผลิตในปี 2007 ไม่เพียงพอ  ถึงขณะนี้ลูกค้าที่สั่งจองต้องรอรถในรอบการผลิตของปี 2008 แล้ว มีลูกค้าหลายพันคนได้ทำการจองรถซุปเปอร์คาร์ R8 นี้โดยไม่ได้ทดลองขับรถเลย ในประเทศไทยเองก็มีกระแสตอบรับที่ดีเช่นกัน จากกลุ่มลูกค้าซุปเปอร์คาร์  บริษัท ได้เร่งการเจรจากับ Audi AG เพื่อเตรียมแผนการนำเข้ารถ Audi R8 เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยให้เร็วกว่าแผนการเดิมที่กำหนด" นายกิตติกล่าว

 .

Audi R8 ถูกผลิตขึ้นด้วยความพิถีพิถันที่เมือง Neckasulm ประเทศเยอรมนี  ขณะนี้มียอดส่งมอบรถให้กับลูกค้าถึง 1,500 คัน ทั้งนี้ออดี้ มีกำลังการผลิตได้สูงสุดถึงวันละ20คัน ซึ่งถือว่าเป็นยอดการผลิตรถ สปอร์ตซุปเปอร์คาร์ที่สูงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับรถระดับซุปเปอร์คาร์ด้วยกันอย่างเช่นลัมโบกินี มียอดการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 6 คัน ต่อวันในปีที่ผ่านมา ซึ่งแสดงถึงการตอบรับที่ดีสำหรับรถซุปเปอร์คาร์อย่าง Audi R8

 .

สำหรับ Audi R8 รถสปอร์ตซุปเปอร์คาร์ตัวใหม่ของ Audi ได้เริ่มต้นสายพานการผลิต และส่งมอบให้ลูกค้าในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้ เพื่อให้ลูกค้า Audi ได้ครอบครองรถสปอร์ตรุ่นล่าสุดของ Audi ที่มีความแรงระดับซุปเปอร์คาร์ ด้วยเครื่องยนต์วางกลางลำ     มีขนาด 4.2 ลิตร V8 เทคโนโลยี FSI ให้กำลังสูงสุดถึง 420 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา แบบ quattro ทำให้ขับได้เต็มสมรรถนะความเร็วสูงสุดถึง 301 กม./ชม. โดยคงความปลอดภัยสูงสุด ด้วยการยึดเกาะอย่างยอดเยี่ยมในทุกสภาพถนน 

 .

เพื่อเพิ่มความพิเศษและสร้างความแตกต่างให้กับผู้ใช้รถ Audi R8 บริษัท quattro GmbH ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Audi AG  จึงเสนอทางเลือกให้กับลูกค้า Audi R8 ได้ตกแต่งรถตัวเองให้มีรูปลักษณ์ที่     โดดเด่นและความรู้สึกที่พิเศษแตกต่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตนมากยิ่งขึ้น เช่น แพกเกจอุปกรณ์ตกแต่งภายในที่ใช้หนังแท้คุณภาพชั้นสูงที่มีให้เลือกตั้งแต่หนังแท้ Nappa อย่างดี จนถึงหนังแท้ Alcantara พร้อมกับพรมชั้นดี และใช้วัสดุอุปกรณ์ภายในชั้นเลิศที่มีสีพิเศษโดยเฉพาะ   นอกจากนี้ยังมีสิ่งของพิเศษโดยเฉพาะกระเป๋าสัมภาระเดินทาง 5 ใบ ทีใช้หนังแท้เกรดดีมีสีสัน ที่กลมกลืนกับสีภายในของรถ Audi R8 ที่ลูกค้าสั่งจองไว้ด้วย

 .

Audi R8 ซุปเปอร์คาร์คันแรกของ Audi ที่ได้รับการถ่ายทอดความสำเร็จด้านเทคโนโลยี FSI (Fuel Stratified Injection) ซึ่งเป็นระบบการฉีดน้ำมันเบนซินเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง ทำให้รถมีทั้งสมรรถนะความแรงแบบเต็มพิกัด แต่ในขณะเดียวกันก็ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากกว่าเครื่องยนต์ขนาดเดียวกันถึง 15% ซึ่งเป็นผลพวงจากรถแข่ง R8 ที่ออดี้ได้พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ลงแข่งในสนามแข่งเลอมังส์ 24 ช.ม. และประสบความสำเร็จอย่างสูงมาถึง 5 สมัย (ในปี 2000, 2001, 2002, 2004 และ 2005) หลังจากนั้นออดี้ได้คิดค้นและพัฒนารถแข่ง Audi R10 TDI ที่ใช้เทคโนโลยีดีเซล (TDI) ขึ้นมาใช้แทนเทคโนโลยี FSI ในสนามแข่งเลอมังส์ 24 ชม. และสามารถเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกของโลกที่คว้าชัยชนะในการแข่งขันเลอมังส์ 24 ชั่วโมง ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลติดต่อกัน 2 ปีซ้อน (ปี 2006 และ 2007)

 .

หลังจากที่ Audi ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในสนามแข่งเลอมังส์ถึง 7 ครั้ง จากการเข้าร่วมการแข่งขันเพียง 9 ครั้ง Audi จึงมุ่งมั่นพัฒนานำเทคโนโลยีแห่งชัยชนะ FSI จากสนามแข่งมาใช้ในรถยนต์รุ่นต่างๆ ของ Audi และได้รับความนิยมและการตอบรับที่ดีจากลูกค้า Audi ที่สำคัญคือเครื่องยนต์ 2.0 TFSI ยังคว้ารางวัลเครื่องยนต์ยอดเยี่ยมระดับโลก (Engine of the Year)ติดต่อกันถึง 3 ปีซ้อน (ปี 2005 – 2007) เป็นเครื่องการันตีในความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลกได้เป็นอย่างดีอีกด้วย เครื่องยนต์ขนาด 2.0 TFSI มีความสมบูรณ์แบบและเพียบพร้อมในทุกด้าน ทั้งให้สมรรถนะความแรงแบบเต็มที่, การประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและที่สำคัญยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย จึงทำให้ Audi นำเครื่องยนต์ 2.0 TFSI มาพัฒนาใช้กับรถ Audi รุ่นอื่นอีกหลายรุ่นตั้งแต่ Audi A4, A6 รวมทั้งรถสปอร์ตที่ได้รับรางวัลรถที่สวยที่สุดในโลกอย่าง Audi TT (The Most Beautiful in the World)