เนื้อหาวันที่ : 2007-07-31 10:30:33 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1608 views

AMD โชว์สถาปัตยกรรมเมมโมรี่เซิร์ฟเวอร์แห่งอนาคต

เผยโฉมนวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มสมรรถนะให้กับระบบเซิร์ฟเวอร์เตรียมพร้อมในการรับมือกับเทคโนโลยีใหม่ เช่น "Virtualization" และ "Multi-Core" มุ่งมั่นตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า

เผยโฉมนวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มสมรรถนะให้กับระบบเซิร์ฟเวอร์เตรียมพร้อมในการรับมือกับเทคโนโลยีใหม่ เช่น "Virtualization" และ "Multi-Core" มุ่งมั่นตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า

.

บริษัท เอเอ็มดี  ร่วมมือกับบริษัทผู้ออกแบบและพัฒนาวงจรอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของโลก พัฒนาเทคโนโลยี Socket G3 Memory Extender (G3MX) เพื่อเป็นส่วนประกอบหนึ่งของแพลตฟอร์ม AMD OpteronTM ภายในปี พ.ศ. 2552 เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าและผู้บริโภคทั่วโลกที่มีความต้องการเพิ่มความจุของหน่วยความจำให้สูงเกินขีดจำกัดสูงสุดเกินกว่าที่ระบบคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันจะสามารถรองรับได้

.

Socket G3 Memory Extender หรือ G3MX เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อขยายขีดจำกัดสูงสุดของขนาดหน่วยความจำที่สามารถใช้ได้บนเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ประมวลผลด้วยโปรเซสเซอร์ AMD Opteron รุ่นใหม่ ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการในกลุ่มลูกค้าองค์กรเพื่อเพิ่มสมรรถนะให้กับเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้อยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ประมวลผลดาต้าเบส หรือรันเทคโนโลยีใหม่ อย่าง "Virtualization" และ "Multi-Core" นอกจากนี้ G3MX ยังสนับสนุนหน่วยความจำแบบ DDR3 ตามสเปคของ JEDEC1 ด้วย และเพื่อให้ผู้ใช้ได้ประโยชน์สูงสุด เอเอ็มดีจึงร่วมมือกับบริษัท IDT และบริษัท Inphi ที่มีแผนวางจำหน่ายอุปกรณ์และผลิตภัณฑ์ที่สนับสนุน G3MX ในอนาคตด้วย

.

"ศักยภาพในการแข่งขันของเอเอ็มดีขึ้นอยู่กับความสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในปัจจุบันและอนาคตได้" มร.แรนดี้ อัลเลน (Randy Allen) รองประธานกลุ่มผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ / เวิร์คสเตชัน บริษัทเอเอ็มดี กล่าวและว่า "ลูกค้าจะได้พบกับเซิร์ฟเวอร์ Quad-Core และ Octal-Core อย่างแน่นอน เราสัญญาว่าจะทำทุกอย่างไว้ให้พร้อม "Virtualization" และ "Multi-Core" เพื่อให้ลูกค้าได้ประโยชน์สูงสุด โดยการร่วมมือกับพันธมิตร เราทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านหน่วยความจำอย่างใกล้ชิดตลอดในการพัฒนา G3MX เพื่อทำให้ G3MX เป็นเทคโนโลยีที่ง่ายต่อการใช้งานและคุ้มค่าที่สุดในการเร่งความเร็วเพื่อการเข้าถึงข้อมูล ซึ่งมีผลโดยตรงต่อสมรรถนะโดยรวมของเซิร์ฟเวอร์ ที่นับวันยิ่งทำงานหนักและซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ"

.

"เอเอ็มดีและพันธมิตรของเขาได้ร่วมกันสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีขึ้นมาเพื่อช่วยแก้ปัญหาเรื่องหน่วยความจำบนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยตรงและคุ้มค่าที่สุด ดูเหมือนว่ามันจะได้รับการตอบรับที่ดีจากคนในวงการวิทยาศาสตร์" มร.โธมัส ซาชาเรีย (Thomas Zacharia) ผู้อำนวยการฝ่ายวิทยาการคอมพ์ ศูนย์วิจัยนานาชาติโอ๊คริดจ์ (Oak Ridge National Laboratory) กล่าวและว่า "เทคโนโลยี G3MX ทำให้เราสามารถเพิ่มแรมที่หาซื้อได้ทั่วไปในท้องตลาดเพื่อเพิ่มเข้าในผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ได้มากกว่าในปัจจุบัน เท่ากับเพิ่มสมรรถนะที่สูงขึ้นของระบบ เพื่อรองรับกับทำงานหนักๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับงานศึกษาวิจัยด้านวิทยาศาสตร์"

.

ในการพัฒนาเทคโนโลยี G3MX เอเอ็มดีได้ร่วมมือกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีหน่วยความจำเพื่อศึกษาปัญหาต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ด้วยความสามารถของเทคโนโลยี G3MX สามารถใช้ได้กับ DDR3 เพื่อช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการเพิ่มขนาดหน่วยความจำให้สูงขึ้นได้

.

"เทคโนโลยี G3MX สร้างโอกาสและทางเลือกใหม่ให้กับ IDT ในการรักษาตำแหน่งความเป็นผู้นำด้านเมมโมรี่อินเทอร์เฟซ" มร.จิมมี่ ลี (Jimmy Lee) รองประธานอาวุโส และผู้จัดการทั่วไป กลุ่มไทมิ่งโซลูชัน บริษัทไอดีที กล่าวและว่า "การเป็นผู้บุกเบิกที่ริเริ่มวิธีที่ง่ายและคุ้มค่าที่สุดสำหรับการเพิ่มหน่วยความจำให้กับผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์ให้มีความสามารถสูงเกินขีดจำกัดปัจจุบัน ทำให้เอเอ็มดีกลายเป็นบุคคลสำคัญที่ใคร ๆ อยากร่วมงานด้วย"

.

"เวลาคือเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จนโยบายของเอเอ็มดีที่มุ่งตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า และนี่เป็นอีกครั้งหนึ่งสำหรับคำถามว่าทำไมเอเอ็มดีจึงเป็นพาร์ตเนอร์ด้านเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดของเรา" มร.ยัง เค ซอห์น (Young K. Sohn) ประธานและประธานคณะผู้บริหาร บริษัท Inphi Corporation กล่าวและว่า "เทคโนโลยี G3MX สามารถปลดล็อคปัญหาหน่วยความจำที่เป็นอุปสรรคสำคัญของเซิร์ฟเวอร์ในการประมวลผลแอพพลิเคชันระดับองค์กร เช่น "Virtualization" และ "Multi-Core" เมื่อปัญหาหมดไป เราก็สามารถสร้างโซลูชันใหม่ๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้คาดว่า G3MX จะเริ่มวางตลาดในปี พ.ศ. 2552 พร้อม ๆ กับสถาปัตยกรรมรุ่นใหม่ของเอเอ็มดี"