เนื้อหาวันที่ : 2015-11-18 07:59:32 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2022 views

ไทย-ญี่ปุ่น ยกระดับความสัมพันธ์ ก้าวใหม่ของความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ

ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ครั้งที่ 27 ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางอภิรดี ตันตราภรณ์) ได้หารือทวิภาคีกับ นายโมโตะ ฮายาชิ (Mr. Motoo Hayashi) รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2558 โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นทางการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศอย่างกว้างขวาง

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวยินดีต่อการเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของนายโมโตะ และหวังว่าจะได้มีโอกาสร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในโอกาสต่างๆ ต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูง ไทย-ญี่ปุ่น (High Level Joint Commission) ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในช่วงการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุ่นของรองนายกรัฐมนตรีของไทย (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ระหว่างวันที่ 25-28 พฤศจิกายน 2558 ซึ่งจะเป็นก้าวใหม่ของการพัฒนาความสัมพันธ์ของไทยและญี่ปุ่นให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น  โดยรองนายกรัฐมนตรีจะใช้โอกาสนี้ แนะนำนโยบายเศรษฐกิจพร้อมแนะนำทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจของไทยด้วย โดยเฉพาะประเด็นด้านเศรษฐกิจที่สำคัญและการชี้แจงนโยบาย Super Cluster ของไทย เพื่อสร้างความเข้าใจและเชิญชวนให้ภาคธุรกิจของญี่ปุ่นมาลงทุนในไทยเพิ่มมากยิ่งขึ้น เป็นต้น นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามประเด็นในการเพิ่มการนำเข้าสินค้าเกษตรจากไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีของไทย (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) ได้เคยหารือกับนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น (นายชินโชะ อาเบะ) ให้นำเข้าสินค้าเกษตรจากไทยเพิ่มมากยิ่งขึ้น เช่น การเพิ่มปริมาณโควตานำเข้าหมูแปรรูปจากไทย และการอนุญาตนำเข้ามะม่วงจากไทยเพิ่มเติม

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยและญี่ปุ่นได้หารือเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ไทย-ญี่ปุ่น (JTEPA) ในการนี้ ไทยเห็นว่าทั้งสองฝ่ายสามารถที่จะพิจารณาหาแนวทางขยายมูลค่าการค้าระหว่างกัน และให้มีการหารือกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหารือเพื่อเปิดตลาดสินค้าเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะให้ข้อมูลกับภาคเอกชน เพื่อขยายช่องการลงทุนระหว่างกัน ทั้งนี้ ไทยพยายามดำเนินการเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้มีความน่าลงทุนเพิ่มมากยิ่งขึ้น และไทยมีการรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง

นางอภิรดี กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ไทยและญี่ปุ่นยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการภายใต้กรอบความร่วมมือพหุภาคีและภูมิภาคต่างๆ เช่น การจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (AELM) ครั้งที่ 23 และการประชุมระดับรัฐมนตรี WTO ครั้งที่ 10 ในเดือนธันวาคม 2558 ณ ประเทศเคนยา เป็นต้น

ญี่ปุ่นเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย โดยในปี 2557 ญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าอันดับที่ 2 ของไทย รองจากจีน และมีมูลค่าการค้ารวมกับไทยประมาณ 57,531.15 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับปี 2558 (มกราคม-กันยายน) การค้ารวมระหว่างไทยกับญี่ปุ่นมีมูลค่า 39,036 ล้านเหรียญสหรัฐ (ลดลงร้อยละ 9.44) โดยไทยส่งออกมูลค่า 15,237 ล้านเหรียญสหรัฐ (ลดลงร้อยละ 6.98) และนำเข้ามูลค่า 23,799 ล้านเหรียญสหรัฐ (ลดลงร้อยละ 10.96) ส่งผลให้ไทยเป็นฝ่ายขาดดุลกับญี่ปุ่นเป็นมูลค่า 8,561 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปญี่ปุ่น ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ไก่แปรรูป เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ  และเครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ เป็นต้น สำหรับสินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากญี่ปุ่น ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์  ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเคมีภัณฑ์ เป็นต้น

 

ที่มารูปและเรื่อง : กระทรวงพาณิชย์