เนื้อหาวันที่ : 2015-10-30 15:28:04 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1757 views

รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนกันยายน และไตรมาสที่ 3 ปี 2558

“เศรษฐกิจไทยในเดือนกันยายนและไตรมาสที่ 3 ของปี 2558 มีสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่องทั้งจากการส่งออกสินค้าของไทยและการใช้จ่ายภาค เอกชนผ่านการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังคงได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวต่างชาติแม้ ว่าจะขยายตัวชะลอลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ดี มาตรการการเงินการคลังที่รัฐบาลเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 เป็นต้นมา คาดว่าจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2558 และ 2559 ต่อไป”

 

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง

          นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนกันยายนและไตรมาสที่ 3 ของปี 2558 ว่า “เศรษฐกิจไทยในเดือนกันยายนและไตรมาสที่ 3 ของปี 2558 มีสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่องทั้งจากการส่งออกสินค้าของไทยและการใช้จ่ายภาคเอกชนผ่านการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังคงได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวต่างชาติ แม้ว่าจะขยายตัวชะลอลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ดี มาตรการการเงินการคลังที่รัฐบาลเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 เป็นต้นมา คาดว่าจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2558 และ 2559 ต่อไป” ทั้งนี้ สถานการณ์เศรษฐกิจไทยล่าสุดในรายละเอียดพบว่า
          การบริโภคภาคเอกชนในเดือนกันยายน 2558 และไตรมาสที่ 3 ปี 2558 ยังมีสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่อง โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ในเดือนกันยายน 2558 ขยายตัวได้ร้อยละ 2.1 ต่อปี จากการขยายตัวของยอดการจัดเก็บบนฐานการใช้จ่ายภายในประเทศ ณ ราคาคงที่ ที่ขยายตัวร้อยละ 13.2 ต่อปี แต่ยอดจัดเก็บบนฐานการนำเข้า ณ ราคาคงที่ยังคงหดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ -11.8 ต่อปี ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 3 ปี 2558 ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ในภาพรวมหดตัวร้อยละ -0.7 ต่อปี สำหรับปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในเดือนกันยายน 2558 หดตัวชะลอลงที่ร้อยละ -0.7 ต่อปี และทั้งไตรมาสที่ 3 ปี 2558 หดตัวอยู่ที่ร้อยละ -10.6 ต่อปี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ ทำให้รายได้เกษตรกรที่ลดลงจากปัญหาภัยแล้ง สำหรับปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งในเดือนกันยายน 2558 ยังคงหดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ -25.5 ต่อปี ทำให้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2558 ยังคงหดตัวในระดับสูงที่ร้อยละ -24.9 ต่อปี สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมลดลงจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 61.2 จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่มีปัจจัยลบจากภาคการส่งออกที่ยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว กอปรกับราคาสินค้าเกษตรที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ อีกทั้งปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลต่อความเสียหายแก่ผลผลิตสินค้าเกษตร ทำให้กำลังซื้อของประชาชนยังคงไม่ดีขึ้น ทำให้ไตรมาสที่ 3 ปี 2558 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ระดับ 61.8

           การลงทุนภาคเอกชนในเดือนกันยายน 2558 และไตรมาสที่ 3 ปี 2558 มีสัญญาณชะลอลง โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนในหมวดการก่อสร้างสะท้อนจากภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ในเดือนกันยายน 2558กลับมาหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน มาอยู่ที่ร้อยละ -12.6 ต่อปี ทำให้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2558 หดตัวร้อยละ -0.5 ต่อปี สำหรับดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างในเดือนกันยายน 2558 หดตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ -6.1 ต่อปี ตามการลดลงของราคาวัสดุก่อสร้างในหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก เนื่องจากต้นทุนด้านพลังงานและวัตถุดิบลดลงและราคาเหล็กในตลาดโลกยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2558 ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างหดตัวร้อยละ -5.7 ต่อปี อย่างไรก็ดี การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ในเดือนกันยายน 2558 กลับมาขยายตัวเป็นบวกเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยขยายตัวร้อยละ 1.2 ต่อปี โดยเป็นผลจากความนิยมในรถยนต์เชิงพาณิชย์รุ่นใหม่ที่ออกสู่ตลาดในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2558 ปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์หดตัวลดลงอยู่ที่ร้อยละ -0.3 ต่อปี 
          ด้านอุปสงค์จากต่างประเทศผ่านการส่งออกสินค้าในเดือนกันยายน และไตรมาสที่ 3 ปี 2558 พบว่ายังคงหดตัวต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกันที่ร้อยละ -5.5 ต่อปี ทำให้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2558 การส่งออกสินค้าหดตัวอยู่ที่ร้อยละ -5.3 ต่อปี โดยการส่งออกไปยังประเทศสหรัฐ ทวีปออสเตรเลีย และกลุ่ม CLMV สามารถขยายตัวได้ขณะที่การส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าหลักสำคัญที่ยังคงหดตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และกลุ่มอาเซียน-5 เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกและตลาดคู่ค้าหลักในปัจจุบันที่ยังคงชะลอตัว ส่งผลให้การนำเข้าสินค้าของเกือบทุกประเทศทั่วโลกยังคงหดตัว
          สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปทาน พบว่า ภาคการท่องเที่ยวจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนหลักของการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย แม้จะมีสัญญาณแผ่วลงจากเหตุการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2558 สะท้อนได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศไทยในเดือนกันยายน 2558 ขยายตัวร้อยละ 8.7 ต่อปี ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวร้อยละ 25.1 ต่อปี เป็นผลทำให้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2558 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาขยายตัวลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 24.3 ต่อปี

          สำหรับภาคเกษตรกรรม สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรในเดือนกันยายน 2558 ยังคงหดตัวที่ร้อยละ -6.3 ต่อปี ทำให้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2558 ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรหดตัวร้อยละ -9.3 ต่อปี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากผลผลิตในหมวดพืชผลสำคัญ โดยเฉพาะข้าวเปลือกที่ยังคงหดตัวต่อเนื่อง สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม (TISI) ในเดือนกันยายน 2558 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 82.8 ซึ่งเป็นการปรับตัวดีขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน จากการที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น เพื่อจำหน่ายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ประกอบกับผู้ประกอบการได้ขยายตลาดและการลงทุนไปยังกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ซึ่งเป็นผลดีต่อภาคการส่งออก ทำให้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2558 ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 82.7
          ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจในประเทศ ยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยอัตราการว่างงานในเดือนกันยายน 2558 ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 0.8 ของกำลังแรงงานรวม หรือคิดเป็นจำนวนผู้ว่างงาน 3.0 แสนคน ทำให้ในไตรมาสที่ 3 ปี 2558 อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 0.9 ของกำลังแรงงานรวม ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปหดตัวอยู่ที่ร้อยละ -1.1 ต่อปี เป็นผลมาจากการที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงการปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันและค่าโดยสารรถวิ่งระหว่างจังหวัด นอกจากนี้อัตราค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (ft) ยังมีการปรับลดในรอบเดือนกันยายน – ธันวาคม 2558 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 1.0 ต่อปี ทำให้ไตรมาสที่ 3 ปี 2558 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ -1.1 และ 0.9 ต่อปี ตามลำดับ สำหรับสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2558 อยู่ที่ระดับร้อยละ 42.8 ต่ำกว่ากรอบความยั่งยืนทางการคลังที่ตั้งไว้ไม่เกินร้อยละ 60 สำหรับเสถียรภาพภายนอกประเทศยังอยู่ในระดับมั่นคงและสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจได้ สะท้อนได้จากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2558 ที่อยู่ในระดับสูงที่ 155.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นประมาณ 2.8 เท่า
                ทั้งนี้ แม้ว่าข้อมูลล่าสุดในเดือนกันยายนและไตรมาสที่ 3 ของปี 2558 จะสะท้อนการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ดี สำนักงานเศรษฐกิจการคลังคาดว่ามาตรการการเงินการคลังที่กระทรวงการคลังได้ผลักดันตามนโยบายรัฐบาลโดยได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 เป็นต้นมานั้น จะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2558 และ 2559 ต่อไป

 

ที่มา : กระทรวงการคลัง
ผู้นำเสนอ : กลุ่มสารนิเทศการคลัง สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง

แหล่งข้อมูล : http://www.thaigov.go.th/