เนื้อหาวันที่ : 2015-10-13 16:13:53 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1717 views

สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย โชว์ศักยภาพจัดประชุม OICA GENERAL ASSEMBLY 2015

สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุม OICA  GENERAL ASSEMBLY 2015 ระหว่างวันที่ 21 – 23 ตุลาคม 2558 ณ โรงแรมอนันตรากรุงเทพ ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ทแอนสปา ซึ่งมีประเทศสมาชิกเดินทางมาเข้าร่วม กว่า 24 ประเทศทั่วโลก ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริม สนับสนุนความร่วมมือและพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกให้มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ เสริมสร้างคุณภาพชีวิต มีการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางเทคโนโลยี ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และประสิทธิภาพเชื้อเพลิง  และที่สำคัญการจัดงานครั้งนี้  จะเป็นการส่งเสริมบทบาทของอุตสาหกรรม ยานยนต์ของประเทศไทยในภูมิภาคอาเซียนและเวทีโลก ตลอดจนส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม  ดร.อรรชกา สีบุญเรือง ให้เกียรติเป็นประธานพิธีเปิดการประชุมฯ ในวันที่ 22 ตุลาคม 2558 เวลา 09.30 น.

นายธนวัฒน์  คุ้มสิน  นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย  เปิดเผยว่า  สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย หรือ The Thai Automotive Industry Association (TAIA) มีหน้าที่ส่งเสริมความสำคัญ และภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนของไทย ให้ก้าวหน้าเป็นผู้นำด้านยานยนต์ของอาเชียน และอยู่ในลำดับต้นๆ ของโลก โดยเฉพาะในปี 2015 นี้ ทางสมาคมฯ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารประเภท ไม่ถาวร มีวาระ 3 ปี ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุม OICA  GENERAL ASSEMBLY 2015 ซึ่งเป็นการประชุมประจำปีสำหรับคณะกรรมการ และสมาชิกของ OICA จำนวน 38 ประเทศ  โดยปกติมีกำหนดจัดอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง โดยจัดที่ งานแสดงรถยนต์  ณ  เจนีวา ประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ ช่วง ต้นปี และอีกครั้งช่วง เดือนตุลาคมของทุกปี และสถานที่การจัดประชุมจะเวียนไปยังประเทศสมาชิกต่างๆ วัตถุประสงค์สำคัญในการจัดประชุมครั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริม สนับสนุนความร่วมมือและพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกให้มีความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ เสริมสร้างคุณภาพชีวิต มีการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางเทคโนโลยี ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกเหนือไปจากการประชุมเรื่องต่างๆ ของ OICA เช่น การบริหารงานองค์กรแล้ว จะมีประเด็นสำคัญ คือ การแลกเปลี่ยนข้อมูลอุตสาหกรรมยานยต์ของประเทศต่างๆ สำหรับ Highlight คือ การจัดประชุม Round Table โดยได้รับเกียรติ จาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมบรรยายหัวข้อ The ASEAN region, its auto industry and free trade agreements โดยมีประเทศที่เข้าร่วมทั้งหมด 24 ประเทศ ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมันเกาหลี สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน อังกฤษ ออสเตรเลีย รัสเซีย สวีเดน สวิสเซอร์แลนด์ ออสเตรีย เบลเยี่ยม นอร์เวย์ ตุรกี อิตาลี โปรตุเกส ฟินแลนด์ โรมาเนีย โครเอเชีย อินเดีย อเมริกาใต้ อินโดนีเซีย และประเทศไทย

นอกจากการประชุมแล้วยังมีกิจกรรมเสริม เช่น การจัด Round Table ในประเด็น The ASEAN region and the auto industry  และ  Global  Automotive  Markets, situation  and  forecast   รวมทั้งการจัดงาน Gala Dinner ที่จะมีการเชิญหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องมาร่วมงานด้วย โดยในการจัดงานนั้น ทางผู้จัดงานก็จะแสดงให้แขกได้เห็นถึงศิลปวัฒนธรรมไทย เช่น ด้านอาหาร การแสดง การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

นายธนวัฒน์ คุ้มสิน กล่าวต่ออีกว่า สมาชิกส่วนใหญ่มาจากประเทศอุตสาหกรรมยานยนต์ชั้นนำ จากยุโรป เอเชีย และอเมริกา ซึ่งถือเป็นลูกค้ากลุ่มระดับสูง และส่วนใหญ่จะเคยมาประเทศไทยแล้วทั้งในด้าน ธุรกิจและ ส่วนตัว ซึ่งต่างดีใจที่ได้มีโอกาสมาประชุมที่ประเทศไทย หลายคนมีความประสงค์จะอยู่ต่อ เพื่อพักผ่อนส่วนตัว ซึ่งในแง่จำนวนเงินแล้วอาจรวมกันไม่มาก แต่ในแง่ภาพลักษณ์ สมาคมฯ ถือว่ามีความสำคัญ และถือเป็นความสำคัญในการจัดงานให้ ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยมองว่าการคงไว้ซึ่งภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นในสายตาชาวต่างชาติ ให้เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ ให้มากขึ้น และให้ไทยยังคงเป็นฐานสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคนี้ ร่วมถึงเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศไทยอีกด้วย

“ในปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ที่สำคัญของภูมิภาคและของโลก โดยเมื่อปี 2012 เคยอยู่ในอันดับที่ 9 ด้วยกำลังการผลิต 2.4 ล้านคัน ในขณะที่ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.8 ล้านคัน ยอดขายอยู่ในลำดับที่ 17 ของโลก ซึ่งเป็นไปตามสภาวะของตลาดและเศรษฐกิจโดยรวม ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ด้านยานยนต์ของเรามีมาตรฐานในระดับสากล ซึ่งมีการส่งออกไปทั่วโลก โดยในปีที่ผ่านมามียอดส่งออก 1.1 ล้านคัน และในปี 2558 นี้คาดว่าจะส่งออกไปนานาประเทศประมาณ 1.2  ล้านคัน”  นายธนวัฒน์ คุ้มสิน กล่าว

“และนอกเหนือไปจากการจัดประชุม สมาคมฯ หวังว่าการที่นักลงทุนต่างชาติ ได้มาใช้ชีวิตและสัมผัสความเป็นอยู่ในประเทศไทยของเราแล้ว พวกเขาจะกลับไปบอกต่อถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ความงดงามของวัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศ ตลอดจนความประทับใจที่มีต่อประชาชนชาวไทยอีกด้วย” นายธนวัฒน์ คุ้มสิน กล่าวปิดท้าย