ครม.ตั้งโฆสิตประธานคณะกรรมการป้องกันและแก้ไข ปัญหาการปิดกิจการของสถานประกอบการ "โฆสิต"เผยครม.กังวลค่าบาทเร่งแก้ปัญหา นัดถกคลังปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม 19 ก.ค.นี้

นายณัฐฐวัฒน์ สุทธิโยธิน ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ (17 ก.ค.) ว่าที่ประชุมเห็นชอบ ตั้งคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการปิดกิจการของสถานประกอบการ และการเลิกจ้างลูกจ้าง เพื่อกำหนดแนวทางและมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย กระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) หอการค้าไทย สภาองค์การนายจ้าง และสภาองค์การลูกจ้าง ร่วมเป็นกรรมการ โดยที่ประชุมได้ให้นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานแทนนายกรัฐมนตรี เพื่อความสอดคล้อง และความรวดเร็วในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้หารือนอกรอบเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาค่าเงินบาท เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแสดงความคิดเห็น ซึ่งรัฐบาลได้ตระหนักถึงความสำคัญที่จะต้องเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา โดยจะมีการหรือถึงนโยบายปรับโครงสร้างภาคอุตสาหกรรม การจัดการด้านแรงงาน โดยวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ จะหารือร่วมกับนายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จากนั้น รมว.คลัง และผู้ว่าการ ธปท. จะหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ค่าเงินบาท ทุกวันศุกร์ เพื่อประเมินสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที

นอกจากนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจส่วนรวม ซึ่งมีภาคเอกชนและนักวิชาการร่วมด้วย จากนั้นจะนำข้อหารือดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรี วันที่ 24 กรกฎาคมนี้

นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เข้าเป็นคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจส่วนรวม โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่า หากเกิดผลกระทบโรงงานต่าง ๆ ถึงขั้นปิดกิจการ ก็พร้อมให้ความคุ้มครองตามกฎหมายแรงงาน ยืนยันจะไม่ประมาท และพร้อมหามาตรการอื่นช่วยเสริม เพื่อไม่ให้เกิดความผันผวนอย่างรวดเร็ว โดยมองว่าอัตราดอกเบี้ยยังมีแนวโน้มลดลงได้อีก แต่คงลดลงไม่ได้มาก

นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ข้อเสนอของนายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง1% นั้น ยอมรับว่า แม้จะเป็นแนวทางที่ดี แต่คงไม่ใช่ยาวิเศษ ซึ่งต้องใช้เครื่องมืออื่นมาช่วยเสริม เพราะอัตราดอกเบี้ยในประเทศใกล้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว ขณะที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกเริ่มทยอยปรับตัวสูงขึ้น จึงเกรงว่าจะสวนทางกับตลาดโลก

ในช่วง 1-2 วันนี้ ธปท.จะเสนอมาตรการอื่นมาช่วยเสริม ไม่ว่าจะเป็นการถือครองเงินดอลลาร์ฯให้นานขึ้น สอดคล้องกับข้อเสนอของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ตลอดจนสามารถนำเงินดอลลาร์ฯ ฝากกับธนาคารในประเทศ เพื่อลดภาระของ ธปท.ในการเข้าไปแทรกแซง โดยยืนยันว่า เครื่องมือของ ธปท.ที่มีอยู่ยังมีความพอเพียง ซึ่งคงไม่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจเหมือนปี 2540

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์