เนื้อหาวันที่ : 2014-04-11 11:14:28 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1578 views

วอลโว่ ทรัคส์ ขึ้นแท่นภาพลักษณ์แบรนด์อันดับหนึ่งในเอเชีย

แบรนด์วอลโว่ ทรัคส์ ขึ้นนำเป็นอันดับหนึ่งในตลาดรถบรรทุกของเอเชีย ครองตำแหน่งผู้นำและยึดอันดับหนึ่งในประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย

วอลโว่ ทรัคส์ เผยผลสำรวจภาพลักษณ์ของแบรนด์และความพึงพอใจของลูกค้าต่อรถวอลโว่ ทรัคส์ โดยผลสำรวจพบว่าภาพลักษณ์ของแบรนด์วอลโว่ ทรัคส์ ขึ้นนำเป็นอันดับหนึ่งในตลาดรถบรรทุกของเอเชีย โดยความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มขึ้นครองตำแหน่งผู้นำและยึดอันดับหนึ่งในประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย

มร.คริสโตเฟอร์ มาร์ติน ประธาน วอลโว่ ทรัคส์ ภาคพื้นเอเชีย โอเชียเนีย เปิดเผยว่าจากการสำรวจของบริษัท GFK ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยที่วอลโว่ ทรัคส์ ได้มอบหมายให้ทำการสำรวจครั้งนี้ โดยผลสำรวจครั้งนี้สอดคล้องกับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่พบว่าอัตราการลดลงของลูกค้าวอลโว่ ทรัคส์ นั้น อยู่ในระดับที่ต่ำมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการรุกทางด้านการขายและการให้บริการหลังการขายแก่ลูกค้า “แน่นอนครับว่าเราจะต้องรักษาความพึงพอใจของลูกค้าและสามารถดำเนินธุรกิจภายใต้การนำเสนอแนวทางเฉพาะตัวให้แก่ลูกค้าแต่ละรายเพื่อรองรับกับความต้องการที่ชัดเจนของลูกค้า ทั้งนี้ เราต้องการให้ลูกค้ายังคงเลือกเราเป็นอันดับหนึ่งในใจเขา”

มร. มาร์ติน กล่าวว่าปัจจุบันวอลโว่ ทรัคส์ ถือเป็นผู้นำในตลาดรถบรรทุกระดับพรีเมี่ยมในเอเชีย โอเชียเนีย ภายใต้กลยุทธ์ที่จะนำองค์กรเข้าใกล้ลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์ บริการและคนขององค์กร ในขณะที่ธุรกิจโดยภาพรวม ซึ่งรวมไปถึงธุรกิจด้านการขนส่ง มีปัจจัยที่มีผลต่อความต้องการของลูกค้ามากถึง 6 องค์ประกอบด้วยกัน ได้แก่ ประสิทธิผล (Productivity) ความพร้อมในการใช้งานของผลิตภัณฑ์ (Uptime) ความปลอดภัย (Safety) ความมั่นคงต่อการใช้งานของผลิตภัณฑ์ (Security) ความรู้สึกต่อการขับขี่ของพนักงานขับรถ (Driver Appeal) และการประหยัดน้ำมัน (Fuel Efficiency) เพื่อตอกย้ำถึงการเข้าถึงความต้องการของลูกค้า วอลโว่ ทรัคส์ ท่านสามารถเข้าชมวีดีโอกรณีตัวอย่างภายใต้ชื่อหนัง “What’s your story”

มร. มาร์ติน กล่าวเพิ่มเติมว่าหากมองถึงต้นทุนทั้งหมดของผู้ประกอบการขนส่ง จะพบว่าการประหยัดน้ำมันมีผลต่อผลประกอบการอย่างมาก สำหรับผู้ให้บริการขนส่งระยะไกล ต้นทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะสูงถึงครึ่งหนึ่งของต้นทุนทั้งหมด ดังนั้น การปรับปรุงประสิทธิภาพในด้านการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง จึงเป็นการตอบโจทย์ของธุรกิจขนส่งโดยตรง “เราเองต้องการให้รถบรรทุกของเราเป็นรถที่ประหยัดน้ำมันที่สุด”

มร. มาร์ติน กล่าวว่าเพื่อยืนยันถึงการพัฒนาการให้บริการในรูปแบบเฉพาะตัวแก่ลูกค้า วอลโว่ ทรัคส์ ได้นำเสนอเครื่องมือที่มีชื่อว่า “Dynafleet” ซึ่งเป็นเครื่องมือสำหรับเจ้าของรถหรือพนักงานขับรถวอลโว่ ทรัคส์ ใช้สำหรับการตรวจสอบอัตราสิ้นเปลืองพลังงานหรือแม้แต่พฤติกรรมการขับขี่ของพนักงานขับรถ ซึ่งจะมีผลต่อการตรวจสอบต้นทุนหรือแนวทางการประหยัดพลังงาน

Dynafleet จะถูกนำมาใช้ในสนามการแข่งขันการขับขี่ประหยัดพลังงานที่รู้จักกันในนามของ “FuelWatch Competition” ซึ่งพนักงานขับรถที่จะเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้จะได้รับการอบรมการขับขี่ประหยัดพลังงานผ่านระบบของ Dynafleet โดยเมื่อปีที่แล้ว ผู้ชนะเลิศการแข่งขันรายการนี้ชาวออสเตรเลีย มร.แกรนท์ มอรีซ สร้างผลงานด้านการประหยัดพลังงานที่ต่างจากผู้เข้าร่วมแข่งขันถึง 34%

ตัวอย่างเช่นหากผู้ประกอบการที่มีรถวอลโว่ ทรัคส์ เพียงคันเดียวที่ให้บริการขนส่งระยะไกล ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานจะสูงถึง 75,000 เหรียญสหรัฐต่อปี และหากพนักงานขับรถได้รับการอบรมผ่านระบบ Dynafleet และสามารถพัฒนาการขับรถให้สามารถขับขี่ประหยัดพลังงานได้สูงถึง 34% ตามที่มีผู้ทำตัวเลขการประหยัดพลังงานไว้แล้ว ก็จะทำให้ผู้ประกอบการสามารถลดต้นทุนลงมาได้อย่างมาก

มันเป็นตัวอย่างที่ดีมากของการนำเสนอรูปแบบการให้บริการในรูปแบบเฉพาะตัวที่สามารถสร้างส่วนต่างของต้นทุนได้ ซึ่ง FuelWatch ได้หล่อหลอมในส่วนของความประหยัดพลังงานกับนวัตกรรม รวมไปถึงการสอนพฤติกรรมการขับขี่แก่พนักงานขับรถให้สามารถทำงานร่วมกับนวัตกรรมของ Dynafleet ก็อย่างที่ผมพูดไว้แล้วว่าเราต้องการพนักงานขับรถที่ดีที่สุด ที่พร้อมจะแต่งงานกับรถที่ดีที่สุดของเรา มันเป็นความลงตัวที่หาคู่แข่งได้ยากจริง ๆ” มร. มาร์ตินกล่าว

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา วอลโว่ ทรัคส์ รุ่น FH480 6X2 ได้รับรางวัล “Imported Heavy Duty of the Year 2014” ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และในยุโรปรถวอลโว่ ทรัคส์ รุ่นใหม่ได้กวาดรางวัลสำคัญด้านการขนส่งหลายรางวัลจากหลายรายการ

อย่างไรก็ตาม หากจะถามถึงการเปิดตัวรถวอลโว่ ทรัคส์ รุ่นใหม่ในเอเชีย มร. มาร์ติน กล่าวว่า “แน่นอนครับ รถรุ่นใหม่ของวอลโว่ ทรัคส์ จะเปิดตัวในเอเชียและจะไม่นานเกินรอ” จากรายงานประจำปีล่าสุดของวอลโว่ กรุ๊ป รายได้จากการขายรถบรรทุกคิดเป็นร้อยละ 65 ของยอดขายสุทธิในปี 2013 ในขณะที่ยอดขายสุทธิจากภูมิภาคเอเชียเท่ากับ 35,000 ล้านโครน คิดเป็นร้อยละ 20 ของรายได้ทั่วโลก