กระทรวงพลังงาน ประเมิน ปั๊มปิดกิจการต่อเนื่อง เหตุค่าการตลาดต่ำ และการขยายตัวของความต้องการใช้น้ำมันลดลงเหลือ 2-3 % ต่อปี ซึ่งขณะนี้มีถึง 18,000 แห่ง ขยายตัวจากปี 2534 ถึง 6 เท่า

ดร.วีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยในงานเสวนา เรื่อง อนาคตธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง ว่า สถานีบริการน้ำมันจะต้องปิดตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสถานีบริการขนาดเล็ก เนื่องจากจำนวนสถานีบริการมีมากเกินความต้องการ ซึ่งขณะนี้มีถึง 18,000 แห่ง ขยายตัวจากปี 2534 ถึง 6 เท่า

ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันในปัจจุบันขยายตัวต่ำลง จาก 7-8 % เหลือ 2-3 % ต่อปี สาเหตุมาจากการมีการใช้พลังงานทดแทนน้ำมันมากขึ้น เช่น ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ หรือเอ็นจีวี และก๊าซหุงต้ม จึงทำให้ยอดจำหน่ายน้ำมันต่อสถานบริการเหลือน้อยมาก จากที่ต้องอยู่ในระดับ 500,000 ลิตรต่อเดือน จึงจะอยู่ได้ ดังนั้นด้วยสภาพการแข่งขันที่สูง และค่าการตลาดที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้สถานีบริการรายเล็กไม่สามารถอยู่ได้ในตลาด

นายธีรพจน์ วัชราภัย ประธานกรรมการ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันค่าการตลาดที่ผู้ค้าจะอยู่ได้ และสามารถขยายการลงทุน จะต้องอยู่ในระดับ 1.80 บาทต่อลิตรโดยเฉลี่ย แต่ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ค่าการตลาดต่ำมาก จนผู้ค้าน้ำมันประสบปัญหาขาดทุนโดยมาตลอด

สาเหตุที่ค่าการตลาดต่ำเนื่องจาก ผู้ค้าน้ำมันทุกรายจะต้องรอปรับน้ำมันพร้อมปตท. เพื่อไม่ให้เสียส่วนแบ่งการตลาด ขณะเดียวกัน ปตท.ก็สามารถนำเงินจากธุรกิจอื่น ที่มีกำไรเข้ามาสนับสนุนธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน ซึ่งความจริงแล้วเป็นระบบการค้าที่ไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ปตท.ยังได้รับสิทธิต่างๆมากมาย เช่น ไม่ต้องเสียภาษีป้าย เป็นต้น

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หากจะให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ค้าน้ำมันทุกราย ปตท.ควรมีการแยกตั้งบริษัทขึ้นมาดูแลการขายปลีกขึ้นมาโดยเฉพาะ ซึ่งจะทำให้ปตท.ทราบว่าธุรกิจขายปลีกน้ำมันในสภาวะปัจจุบันขาดทุนอย่างไร

 .