เนื้อหาวันที่ : 2014-03-21 13:46:38 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1541 views

กรุงศรี SME ผนึกเครือข่าย MUFG และความแข็งแกร่งของเครือกรุงศรี รุกกลุ่มซัพพลายเชน

เน้นอุตสาหกรรมยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า พร้อมตอกย้ำแบรนด์ กรุงศรี SME สร้างเอสเอ็มอีไทยให้แข็งแรง

กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)) โดยกรุงศรี SME ได้ประกาศแผนและกลยุทธ์ธุรกิจ ปี 2557 ในวันนี้ว่าจะมุ่งให้ความสำคัญกับการขยายไปสู่กลุ่มธุรกิจ ที่อยู่ในเครือข่าย หรือซัพพลายเชน (supply chain) โดยการสนับสนุนของผู้ถือหุ้นใหญ่เชิงกลยุทธ์ รายใหม่ของกรุงศรี คือธนาคารแห่งโตเกียว-มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ (BTMU) ซึ่งถือหุ้น 100% โดย มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) และความแข็งแกร่งของเครือกรุงศรี ทั้งกรุงศรี ออโต้ และ กรุงศรีคอนซูมเมอร์ มั่นใจปีนี้โตตามเป้าที่ 12.4%

นายสยาม ประสิทธิศิริกุล ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจ SME ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า “กรุงศรี SME มีแผนที่จะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดไปสู่กลุ่มธุรกิจที่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องต่อเนื่องกันเป็นห่วงโซ่ หรือซัพพลาย เชน ทั้งของไทย ญี่ปุ่น และบริษัทข้ามชาติอื่นๆ ด้วยการนำประโยชน์จากเครือข่ายระดับโลกของ MUFG และจุดแข็งของธุรกิจในเครือด้านสินเชื่อรายย่อยทั้งกรุงศรี ออโต้ และ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ มาช่วยสร้างความเติบโตให้ลูกค้า พร้อมการเพิ่มประสิทธิภาพในขั้นตอนการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อให้สะดวกรวดเร็วขึ้น มั่นใจว่าการผนึกกำลังของกรุงศรี และ MUFG ในการสนับสนุนผู้ประกอบการ SME อย่างครบวงจรตลอดห่วงโซ่ของธุรกิจ จะผลักดันให้ กรุงศรี SME เติบโตประมาณ 12.4% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้”

อุตสาหกรรมที่มีความเชื่อมโยงต่อเนื่องกันเป็นซัพพลายเชน และโดดเด่นมากคือ กลุ่มธุรกิจยานยนต์ และกลุ่มธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยตัวเลขของบีโอไอ ระบุว่า ปี 2555 มีบริษัทญี่ปุ่นมาลงทุนในประเทศไทยสูงถึง 761 โครงการ คิดเป็นมูลค่าลงทุนกว่า 3.48 แสนล้านบาท โดยลงทุนในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เหล็ก และเครื่องจักรราว 49% และลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ราว 25% รวมการลงทุนในอุตสาหกรรมทั้งสองจำนวน 479 โครงการจากทั้งหมด 761 โครงการ

นอกจากนั้น ประเทศไทยยังเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ทั้งระดับภูมิภาคและโลก ในสินค้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์และชิ้นส่วน โดยตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทย ปี 2556 ระบุว่าประเทศไทยส่งออกผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ราว 2.69 ล้านล้านบาท และในกลุ่ม ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ราว 1.9 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นราว 38% ของ GDP ของประเทศ

จากตัวเลขดังกล่าวจะเห็นได้ว่าภาคอุตสาหกรรมทั้งสองถือเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการหลักที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และมีอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เชื่อมโยงกันเป็นห่วงโซ่ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการ SME จำนวนมาก นอกจากนั้นยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจ กรุงศรี SME จึงได้ผนึกความแข็งแกร่งของเครือข่ายระดับโลกของ MUFG และความชำนาญในสินเชื่อรายย่อย ของกรุงศรี ออโต้ และกรุงศรี คอนซูมเมอร์ เพื่อมาสนับสนุนด้านสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการ SME ตั้งแต่ผู้ผลิตวัตถุดิบ ผู้ผลิตสินค้า ผู้แทนจำหน่าย รวมถึงสนับสนุนสินเชื่อรายย่อยให้กับผู้บริโภคที่ครบวงจรอย่างแท้จริง โดยระยะแรกจะเริ่มกับอุตสาหกรรมหลักทั้งสองนี้ก่อนที่จะขยายไปสู่อุตสาหกรรมอื่นต่อไป”

กรุงศรียังมุ่งสร้างความแข็งแกร่งและการรับรู้แก่แบรนด์ ‘กรุงศรี SME’ กับลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ด้วยการเปิดตัวแคมเปญ ‘Stronger Thai’ ซึ่งประกอบด้วยสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์และกิจกรรมการตลาดที่มุ่งเน้นการสร้างโอกาสทางธุรกิจและสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่งทั้งระหว่างผู้ประกอบการ SME และความร่วมมือกับองค์กรใหญ่ๆ ทั้งในรูปแบบของ การจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) การเรียนรู้จากการเยี่ยมชมธุรกิจขนาดใหญ่ระดับประเทศ (Open House) และการเสริมความรู้เชิงลึกจากกูรูผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ชั้นนำของประเทศ (Guru Talk) ตลอดทั้งปีต่อยอดและต่อเนื่องจากกิจกรรมที่ได้ริเริ่มมาในปีที่ผ่านมา

กิจกรรมต่างๆของกรุงศรี SME มีความแตกต่างตรงที่เรามุ่งให้เกิดเครือข่ายที่แท้จริงโดยเน้นที่กิจกรรม การจับคู่ธุรกิจ หรือ Business Matching เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายตลาด ต่อยอดธุรกิจและช่วยเพิ่มมูลค่าทางการค้าให้กับผู้ประกอบการ SME ไทย ได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง” นายสยาม กล่าว