เนื้อหาวันที่ : 2013-11-22 14:39:37 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 879 views

สสว. แนะ SMEs ก้าวทันเทคโนโลยี สร้างโอกาสทางธุรกิจ

สสว. สร้างโอกาสทางธุรกิจ พัฒนาศักยภาพด้านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ใช้การสื่อสาร Social Media ทำการตลาดเหนือคู่แข่ง

สสว. สร้างโอกาสทางธุรกิจ พัฒนาศักยภาพด้านความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ใช้การสื่อสาร Social Media ทำการตลาดเหนือคู่แข่ง แนะเรียนรู้ ความสำเร็จจากทรูไลฟ์ และ มินิไทยเกอร์ แบรนด์เสื้อผ้าเด็กของไทย ที่ดังในต่างประเทศ

ดร. วิมลกานต์ โกสุมาศ รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. เปิดเผยว่า การก้าวล้ำหน้าของเทคโนโลยีระบบดิจิตอลออนไลน์ในปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจต่างๆ อย่างมากมายต่อเนื่อง จนเรียกได้ว่า “พลิกโฉมหน้า” เจ้าขององค์กร นักธุรกิจ นักการตลาด นักวิศวกร ต่างรับรู้และเร่งปรับองค์กรให้ทันและเหนือกว่าคู่แข่งขันในตลาด ขณะเดียวกันเกิดการสร้างธุรกิจ SMEs ในรูปแบบใหม่ขึ้นตามมาอีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้นในการอบรมหลักสูตรนักบริหาร SMEs ระดับสูง “ SMEs Advance” ภายใต้โครงการยกระดับมาตรฐานการบริหารจัดการธุรกิจ SMEs ของ สสว. จึงเชิญ นายอรรถ อรุณรัตนพงษ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ดูแลด้านธุรกิจ True Life มาแบ่งปันความรู้เรื่อง Digital Marketing for Business เมื่อเร็วๆนี้

นายอรรถกล่าวว่า เครือข่ายโทรคมนาคมที่เปลี่ยนแปลงเป็นระบบ 3 G ทำให้การรับรู้ข้อมูลในมือถือรวดเร็วขึ้น เจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการทุกรายจึงต้องเร่งหากลยุทธ์การทำตลาดบนการสื่อสารออนไลน์ที่กำลังทำให้ธุรกิจต่างๆ ในโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ตัวอย่าง เช่น ธุรกิจโทรศัพท์มือถือ(Mobile)มีแนวโน้มมาแรงมาก จากตัวเลขที่เก็บได้ปรากฏว่าประชากรไทย 5 ล้านคนมีมือถือใช้คนละถึง 2 เครื่อง โดย 27 % ใช้โทรศัพท์มือถือเพื่อการทำกิจกรรมต่างๆ ทางอินเตอร์เน็ต และ สัดส่วน 36 % เป็นสมาร์ทโฟน และสำรวจล่าสุดแนวโน้มพบว่าคนดูทีวี เฉลี่ย 10 ชม.ต่อวัน ซึ่งลดลง เมื่อเทียบกับการดูอินเตอร์เน็ตคอนเทนท์ในมือถือถึง 16 ชม.ต่อวัน

ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวด้วยว่าธุรกิจจำนวนมาก หันมาทำกลยุทธ์ทางการตลาดบนสื่อออนไลน์ทุกรูปแบบ ทำให้พฤติกรรมการสื่อสารบน Social Media ในปัจจุบันมีความซับซ้อนมากมายจนทำให้ผู้บริโภคเชื่อโดยไม่มีการพิจารณา ข่าวสารมีทั้งอันตรายทางสังคมที่แฝงมา และการใช้สื่อออนไลน์เป็นการสร้างความผูกพันที่ไม่ใช่แค่การเป็นตัวกลางระหว่างลูกค้าและเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือองค์กร แต่ต่อไปจะเกิดเป็นสังคมที่บูรณาการ(Integrated Social) มากขึ้น

การทำอีคอมเมิร์ช จะขยายไปสู่การเป็น เอ็มคอมเมิร์ช โดยมีการทำธุรกรรมทางการเงินบนสื่อออนไลน์แบบเต็มรูปแบบ ทำให้การซื้อขายสินค้าทำได้สะดวกสบายขึ้น มีการเปรียบเทียบราคาสินค้าได้ง่ายขึ้น กลายเป็น Social Commerce และต่อไปในปี 2557-2558 จะพัฒนาขึ้นสู่การเป็น Mobile Commerce

สำหรับธุรกิจ SMEs ขอแนะนำว่า หากยังไม่ได้ทำการค้าขายแบบอีคอมเมอร์ซ ก็ควรเริ่มทำ Social Commerce ไปก่อน เพราะนับเป็นการลงทุนที่ใช้เงินทุนไม่มาก เมื่อเทียบกับการต้องไปเช่าตึกแถวลงทุนเปิดธุรกิจทำการค้า หรือใช้ Provider หรือเข้าไปใช้แพลทฟอร์มของคนอื่นในระยะเริ่มต้นไปก่อน

สสว. ยังเชิญ นางณัฐพร ปิ่นเพ็ชร เจ้าของกิจการธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายเสื้อผ้าเด็ก ยี่ห้อ “Minitiger” ซึ่งเป็นแบรนด์เนมของไทยที่ไปโด่งดังในประเทศญี่ปุ่น ออสเตรเลีย มาร่วม แบ่งปันประสบการณ์ โดยนางณัฐพร ได้กล่าวถึงการสร้างผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างด้วยว่า ตนเองเคยทำงานเป็น ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์ ของบริษัทโฆษณาต่อมาเมื่อมีครอบครัวและมีลูก จึงเริ่มมองหาธุรกิจที่เป็นของตัวเอง และได้ตั้งต้นด้วยการทำเสื้อตัวแรกให้กับลูก ทำเสร็จแล้วแต่ใส่ไม่ได้ จึงเกิดความรู้สึกกระหายที่จะเรียนรู้และต้องทำให้สำเร็จ ด้วยการเข้าศึกษาวิธีการทำด้วยตนเองโดยการเปิดยูทูป บนพื้นฐานความคิดที่ว่า จะต้องสำรวจตัวเองอย่างละเอียดซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้พบความชอบอย่างแท้จริง สำรวจพฤติกรรมของลูกเพื่อให้เกิดการเรียนรู้และเกิดความชำนาญ จากนั้นได้ทดลองผลิตจนเป็นเสื้อผ้าได้สำเร็จตามที่ต้องการเพื่อลูก

การทดลองทำครั้งนั้นได้เกิดเป็นความดิดของการเริ่มต้นทำธุรกิจ ว่าทำอย่างไรให้ใช้เงินน้อยที่สุด แต่ให้ได้ความแตกต่างมากที่สุด และมาได้ข้อสรุปว่า จะใช้ Social Media ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ พร้อมด้วยการออกงานแฟร์ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จนสินค้าเป็นที่ต้องการของต่างชาติ ทำให้ แบรนด์ “Minitiger” ติดตลาดมาจะอายุครบ 3 ปีในเดือนพฤศจิกายนนี้ ขณะนี้กำลังจะต่อยอดเปิดเพิ่มเป็น แบรนด์ใหม่ ชื่อ“มินิไทยกล้า” เพื่อเปิดตลาดให้กับคนไทยในประเทศโดยเฉพาะ”

นางณัฐพร ปิ่นเพ็ชร กล่าวเสริมอีกว่า เสื้อผ้าเด็ก ในแบรนด์ มินิไทยกล้า จะเป็นหนึ่งในไลน์สินค้าที่เชื่อมโยงให้เกิดเป็นสังคมเป็นชุมชนและสร้างกิจกรรมขึ้นในระหว่างกลุ่มคนไทยด้วยกัน โดยหวังให้เกิดการต่อยอดสิ่งต่างๆขึ้น “โดยเราจะสร้างเป็นคอมมูนิตี้ทั้งหมด 6 ฮับตามหัวเมืองของไทย อย่างฮับในภาคใต้ มินิไทยกล้าป็นสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมโยงกิจกรรมต่างๆและสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับไทยพุทธและไทยมุสลิม ”