เนื้อหาวันที่ : 2013-04-30 14:54:02 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1609 views

ตัลไทย ก้าวกระโดดขึ้นผู้นำงานก่อสร้าง พลังงานทดแทน

อิตัลไทย ก้าวกระโดดขึ้นผู้นำงานก่อสร้าง พลังงานทดแทนและวิศวกรรมระบบฯ ตั้งเป้าปี 56 กวาด 4 พันล้าน

อิตัลไทยวิศวกรรม ภายใต้ อิตัลไทย กรุ๊ป ฉลองครบรอบ 46 ปี โชว์ศักยภาพการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ด้วยผลงานคุณภาพภายใต้ระบบบริหารคุณภาพ ISO 9001 ก้าวเป็นผู้นำตลาดก่อสร้างแบบครบวงจร ทั้งพลังงานทดแทน รวมไปถึงงานวิศวกรรมระบบไฟฟ้าและเครื่องกล พร้อมเปิดตลาด AEC ลุยรับงานสร้างเหมืองแร่ทองคำในประเทศลาว ตั้งเป้ารายได้ปี 56 แบบก้าวกระโดดที่ 4,000 ล้านบาท จากรายได้ปี 55 ที่ผ่านมา 1,650 ล้านบาท

นายสกล เหล่าสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิตัลไทยวิศวกรรม จำกัด หรือ (ITALTHAI Engineering : ITE) หนึ่งในบริษัทผู้นำตลาดทางด้านวิศวกรรม ภายใต้ “อิตัลไทย กรุ๊ป” เปิดเผยว่า ในปี 2556 ถือเป็นการครบรอบ 46 ปีของบริษัทฯ โดยที่ผ่านมาถือได้ว่า ITE เป็นผู้นำตลาดในการให้บริการงานก่อสร้างแบบครบวงจร ทั้งพลังงานทดแทน รวมไปถึงงานวิศวกรรมระบบไฟฟ้าและเครื่องกล อาทิ ธุรกิจพลังงานทดแทน (Renewable Energy) เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) โรงไฟฟ้าพลังงานลม (Wind Farm) รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังความร้อน (Thermal Power Plants) สถานีไฟฟ้าแรงสูง (High Voltage Power Substations) และงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคสำหรับโรงงานปิโตรเคมีและโรงงานขนาดใหญ่ รวมถึงงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลของอาคารสูง สุขาภิบาล หรือ ไฟฟ้า ประปา แอร์

บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของทีมงานวิศวกรรม โดยเฉพาะงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล ที่มีความเข้มแข็ง ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมา อีกทั้งมีระบบการจัดการคุณภาพ ISO 9001:2008 ที่ได้รับการพัฒนามานาน ระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่เข้มงวดตามกฎหมาย และตามความต้องการของลูกค้า ทั้งยังเน้นเรื่องการประสานงานกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อการส่งงานตรงตามคำมั่นสัญญา โดยมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการให้บริการงานก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ให้บริการในแบบ One Stop Services เพื่อให้ระบบสาธารณูปโภคและระบบผลิตสามารถทํางานได้อย่างต่อเนื่องเชื่อถือได้ (Reliability) มีความปลอดภัยได้มาตรฐานตามกฎหมาย (Safety) ลดความเสี่ยงต่ออุบัติภัย เพิ่มประสิทธิภาพ (Efficiency) และประหยัดพลังงาน (Energy Saving) ให้มากที่สุด

ทั้งหมดนี้ส่งผลให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ใหญ่ที่สุดในเอเชียขนาด 55 MWac Lopburi Solar ของ บริษัทพัฒนาพลังงาน (National Energy Development - NED) ที่จังหวัดลพบุรี และโรงไฟฟ้าพลังงานลมเทพพนา ขนาด 8 MWac (VSPP พลังงานลมโรงแรกของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) ที่จังหวัดชัยภูมิ โดยสามารถก่อสร้างจ่ายไฟได้ก่อนกำหนดด้วยผลผลิตพลังงานไฟฟ้าที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพตามเป้าหมาย ทำให้ผู้ลงทุน แหล่งเงินทุน ผู้ผลิตอุปกรณ์หลักในงานก่อสร้างพลังงานทางเลือกเช่นแผง Solar และ Wind Turbine ให้ความไว้วางใจในฐานะ Local Contractor ที่สามารถนำการบริหารโครงการไปสู่ความสำเร็จ

นายสกล กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาบริษัทมีผลงานที่การันตีคุณภาพของบริษัทได้เป็นอย่างดี อาทิ ผลงานออกแบบ จัดหา และก่อสร้างพลังงานทดแทน ทั้งพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม โดยพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียขนาด 55 MWac ของบริษัท NED และงานแสงอาทิตย์แบบหมุนตามแสงอาทิตย์อีก 8 MWac งานพลังงานแสงอาทิตย์ในมือที่จะเสร็จและจ่ายไฟในปี 2556 จำนวน 98.5 MWac และพลังงานลม 8 MWac เทพพนาวินด์ฟาร์มอยู่ระหว่างก่อสร้าง ซึ่งถือว่าบริษัทมีผลงานและงานในมือโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนมากที่สุดในประเทศไทยในขณะนี้ และคาดว่าแนวโน้มของโซล่าร์ฟาร์มจะขยายตัวอย่างมากในอีก 1 - 2 ปีข้างหน้า โดยตลาดรวมมีมูลค่าประมาณ 120,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายการสนับสนุนธุรกิจพลังงานทางเลือกจากรัฐจากปัจจุบันปี 2556 ถึงปี 2564 หรือเฉลี่ยปีละประมาณ 13,600 ล้านบาทหรือเท่ากับประมาณ 170 MW ต่อปี

ซึ่งปัจจุบัน อิตัลไทย ได้ดำเนินงานให้กับบริษัทใหญ่ อาทิ EGCO, SunEdison, Soleq, EGAT, PEA, MEA, Amari Group, PanAust, SCG Group, IRPC และ PTT Chemical โดยงานรับผิดชอบหลักนั้นจะขึ้นอยู่กับตลาดในแต่ละปี อย่างในปัจจุบันจะรับผิดชอบ งานก่อสร้างเบ็ดเสร็จ โรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือก หรือพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม มีสัดส่วนประมาณ 40% ของรายได้รวม ทั้งยังมีความมุ่งมั่นที่จะขยายงานในตลาดการก่อสร้างสาธารณูปโภคและโรงงานในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและโรงกลั่น ทั้งยังมีการรับงานก่อสร้างเหมืองทองคำที่ประเทศลาว และกำลังขยายงานด้านพลังงาน และสายส่งไฟฟ้า แรงสูง ในประเทศเพื่อนบ้าน เป็นการเปิดตลาด AEC อีกด้วย

และในปี 2555 ที่ผ่านมาบริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,650 ล้านบาท โดยในปี 2556 นี้ คาดว่าบริษัทฯ จะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท คาดว่าอีก 3 ปีข้างหน้า จะทำรายได้ถึง 4,500 - 5,000 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้บริษัทกำลังประมูลงาน Solar Plant 2 - 3 แห่ง และพลังงานลมอีก 2 - 3 แห่ง มีกำลังผลิตรวมประมาณ 250 - 300 MW โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีมาร์เก็ตแชร์ อยู่ที่ 26.2 % (98.50 MW) เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจก่อสร้างโซล่าร์ฟาร์มของประเทศไทย” นายสกล กล่าวสรุปในตอนท้าย