เนื้อหาวันที่ : 2013-01-09 08:27:50 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1657 views

ปัญหาหน้าผาทางการคลัง

กระทรวงการคลังจะนำเสนอมาตรการต่างๆ กว่า 10 มาตรการ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ในประเทศที่อาจได้รับผลกระทบจากปัญหาหน้าผาทางการคลังของสหรัฐ

การประชุมคณะรัฐมนตรี วันนี้ (8 ม.ค.56)กระทรวงการคลังจะนำเสนอมาตรการต่างๆ กว่า 10 มาตรการ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ในประเทศที่อาจได้รับผลกระทบจากปัญหาหน้าผาทางการคลังของสหรัฐ


ปัญหาหน้าผาทางการคลังของสหรัฐ หรือที่เรียกกันว่า Fiscal Cliff เป็นความเสี่ยงทางด้านนโยบายการคลัง ที่มีผลมาจากการขึ้นอัตราภาษีรายได้ และการตัดงบประมาณรายจ่ายของภาครัฐ เพื่อลดการขาดดุลจำนวน 1.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงเวลา 10 ปี โดยมาตรการทั้งสองอย่างนี้จะมีผลบังคับใช้พร้อมกันในปี 2556

โดยมาตรการขึ้นภาษีและลดงบประมาณรายจ่ายนี้จะผลักให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสูภาวะถดถอย (Recession) ในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 โดยการขึ้นภาษีนั้นจะส่งผลให้ครอบครัวอเมริกันในทุกระดับรายได้ มีรายได้หลังหักภาษีที่ลดลง และจะใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น การลดลงของอุปสงค์ทั้งทางตรงจากการลดรายจ่ายภาครัฐ และทางอ้อมผ่านการขึ้นภาษีนี้ยังจะส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ ลดการจ้างงานและการลงทุนลง เพื่อรองรับการถดถอยทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ทางหน่วยงานของสหรัฐฯ (U.S. Congressional Budget Office : CBO) ประเมินว่า มาตรการดังกล่าวอาจส่งผลให้ GDP ของสหรัฐฯ หดตัวประมาณร้อยละ 0.5 และอัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 9.1 ในปี 2556

ทั้งนี้ปัญหาหน้าผาทางการคลังของสหรัฐส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย 3 ประการคือ 1.การส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ มีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลลบต่อผู้ส่งออกของไทย และประเทศที่เป็นคู่ค้าหลักของไทยเช่น จีน ญี่ปุ่น และอาเซียน 2.สภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนแอ จะกดดันให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ เช่น น้ำมัน เหล็ก และสินค้าเกษตรต่างๆ อ่อนตัวลงตามไปด้วย และ 3.ความไม่แน่นอนเชิงนโยบาย ทำให้นักลงทุนไม่มีความมั่นใจ ตลาดการเงินมีความผันผวน ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของค่าเงินบาท ที่มีโอกาสอ่อนตัวลงในระยะสั้นด้วย

โดยในวันที่ 3 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมคณะทำงาน 9 กระทรวงด้านเศรษฐกิจ รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อติดตามสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจยุโรปและเตรียมมาตรการรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น โดยนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มองว่า การที่สภาคองเกรส โดยวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐ ได้ลงมติรับร่างกฎหมายเลี่ยงปัญหาหน้าผาทางการคลัง ถือเป็นสัญญาณเชิงบวก เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐได้เป็นอย่างดี และจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งเศรษฐกิจไทยด้วย

สำหรับ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (8 ม.ค.56) จะมีการนำเสนอมาตรการต่างๆ กว่า 10 มาตรการเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต และช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบต่อไป อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2556 มองว่ายังมีเสถียรภาพ และเติบโตได้ดีต่อเนื่อง และอาจเติบโตได้ดีกว่าปี 2555 ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ คาดว่าจะเติบโตได้ที่ร้อยละ 5.5 ซึ่งยังคงต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจอื่นๆ อย่างใกล้ชิด


ที่มา : สำนักข่าวแห่งชาติ