เนื้อหาวันที่ : 2012-11-27 15:51:28 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 3530 views

อนุมัติแหล่งผลิตปิโตรเลียมใหม่มั่นใจรัฐมีรายได้กว่า 8 พันล้านบาท

คณะกรรมการปิโตรเลียมพร้อมอนุมัติตามข้อเสนอของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติในการพัฒนาแหล่งนงเยาว์คาด รัฐจะได้รับผลประโยชน์ราว 8,000 ล้านบาท

นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการปิโตรเลียม ได้สรุปสถานการณ์การจัดหาและพัฒนาปิโตรเลียมในช่วงเดือนกันยายน 2555 ว่า "ประเทศไทยมีอัตราการผลิตปิโตรเลียมเทียบเท่าน้ำมันดิบทั้งสิ้น 813,186 บาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นประมาณ 42% ของความต้องการใช้ในประเทศ โดยแบ่งเป็นก๊าซธรรมชาติมีกำลังการผลิต 3,330 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน, ก๊าซธรรมชาติเหลวมีกำลังการผลิต 94,533 บาร์เรลต่อวันและน้ำมันดิบมีกำลังการผลิต 145,517 บาร์เรลต่อวัน โดยในช่วงเดือนมกราคม - ตุลาคม 2555 กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน สามารถจัดเก็บค่าภาคหลวงรวมเป็นเงิน 58,644 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าในช่วงเดียวกันของปี 2554 ร้อยละ 22"

สำหรับผลการดำเนินงานในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย ซึ่งเป็นบริเวณที่ไทยและมาเลเซียพัฒนาปิโตรเลียมร่วมกันในบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง ในช่วงเดือนตุลาคม 2555 มีการผลิตก๊าซธรรมชาติ ในอัตรา 1,250 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยมีการนำมาใช้ประโยชน์ในประเทศไทยวันละประมาณ 770 ล้านลูกบาศก์ฟุต และก๊าซธรรมชาติเหลว 14,965 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งในช่วงเดือนมกราคม - ตุลาคม 2555 สามารถนำส่งรายได้จากการดำเนินงานในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย - มาเลเซีย สู่ประเทศ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 12,619 ล้านบาท สูงขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ในการประชุมคณะกรรมการปิโตรเลียมได้มีการอนุมัติพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมแหล่งนงเยาว์ ตามข้อเสนอของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ซึ่งได้วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อประเมินศักยภาพของแหล่งดังกล่าว โดยมีการศึกษาทั้งทางด้านธรณีวิทยา ด้านธรณีฟิสิกส์ ข้อมูลหลุมเจาะปิโตรเลียมและปริมาณสำรอง รวมถึงการวิเคราะห์แผนการผลิตและเศรษฐกิจปิโตรเลียม โดยคาดว่ามีจะพัฒนาเป็นแหล่งปิโตรเลียมเพื่อสร้างความมั่นคง ด้านพลังงานของประเทศ

สำหรับแหล่งนงเยาว์ เป็นของบริษัท เพิร์ล ออย บางกอก จำกัด อยู่ในแปลงสำรวจ G11/48 ในอ่าวไทยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการฯ อนุมัติให้เป็นพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมรวม 23.18 ตารางกิโลเมตร คาดว่าจะมีปริมาณสำรองน้ำมันดิบประมาณ 12.3 ล้านบาร์เรล โดยแหล่งดังกล่าวจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตได้ในปี 2557 โดยมีอัตราการผลิตน้ำมันดิบสูงสุดประมาณ 6,400 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งบริษัทมีการลงทุนเป็นเงินประมาณ 18,370 ล้านบาท ขณะที่ภาครัฐจะได้รับผลประโยชน์ประมาณ 8,463 ล้านบาท ส่วนบริษัท เพิร์ล ออย บางกอก จำกัด จะได้รับผลตอบแทนหลังหักเงินลงทุน แล้วประมาณ 5,673 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงานคนใหม่ เดินทางมามอบนโยบายให้กับกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ โดยมีการสอบถามถึงสถานการณ์การผลิตปิโตรเลียมของไทย ตลอดจนการศึกษาแนวทางการดำเนินการกับสัมปทานปิโตรเลียมที่จะหมดอายุลง และความพร้อมในการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่