เนื้อหาวันที่ : 2012-11-21 09:23:28 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1478 views

ล้วงไส้ในกำไร บรัษัทจำกัด 9 เดือนโตไม่ถึง1% ลุ้นQ4 ทะลุ 1.7 แสนล้าน

ตลาดหลักทรัพย์ฯเผย 9 เดือน บริษัทจดทะเบียนโชว์กำไร 5.6 แสนล้านบาท เพิ่มแค่ 0.38% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน

ตลาดหลักทรัพย์ฯเผย 9 เดือน บริษัทจดทะเบียนโชว์กำไร 5.6 แสนล้านบาท เพิ่มแค่  0.38% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน เหตุได้รับผลกระทบจากไตรมาส 2 ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ดิ่ง  ฟากบริษัทกลาง-เล็ก ผลงานเจ๋ง เลขาธิการสมาคม นักวิเคราะห์ฯ คาดไตรมาส 4 กวาดกำไร 1.7 แสนล้านบาท ดันทั้งปี 2555 ไม่ขี้เหร่ เหตุได้ตัวช่วยธุรกิจอิงกำลังซื้อในประเทศทั้งอสังหาฯ ชิ้นส่วนรถยนต์ สื่อสาร

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET)  จำนวน 449 บริษัท หรือ 93.93% ของบจ.ทั้งหมด 478 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่ม NC และ NPG) ได้นำส่งผลการดำเนินงานงวดสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2555 แล้ว โดยมีกำไรสุทธิ 373 บริษัท คิดเป็น 83.10% ของบจ.ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด

สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 2555  บจ.มียอดขายรวม 7.61 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.80% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมียอดขายเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม และมีกำไรสุทธิ 5.6 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.38% เนื่องจากผลกระทบด้านราคาสินค้าโภค ภัณฑ์ที่ลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา

ทั้งนี้จากข้อมูลผลการดำเนินงาน 9 เดือนปี 2555 พบว่ามี 3 หมวดธุรกิจที่ยอดขายและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกไตรมาส คือ หมวดธนาคาร หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และหมวดกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์

นายจรัมพร กล่าวว่า สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 พบว่าบจ.มีการเติบโตทั้งกำไรสุทธิและยอดขาย โดยมีกำไรสุทธิรวม 2.16 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน  34.67% ยอดขายเพิ่มขึ้น 8.14% คิดเป็นยอดขายรวม 2.57 ล้านล้านบาท และมีความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 17.83% เป็น 18.50% ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของผลประกอบการดังกล่าวมีสาเหตุมาจากกลุ่มพลังงานมีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากปริมาณและราคาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 8.26 พันล้านบาท จากงวดก่อนที่ขาดทุนจากอัตรา แลกเปลี่ยน 8.62 พันล้านบาท

อย่างไรก็ตามแม้ไม่รวมผลประ กอบการของกลุ่มพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้นและกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ บริษัทจดทะเบียนก็ยังคงมียอดขายและกำไรเพิ่มขึ้น 9.65% และ 13.49% ตามลำดับโดยธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคและการลงทุนในประเทศ เช่น ธนาคาร อสัง หาริมทรัพย์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การแพทย์ และพาณิชย์ มีการเติบโตดีทั้งยอดขายและกำไร และหากเปรียบเทียบกับไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ก็ยังมียอดขายและมีอัตราการทำกำไรขั้นต้นที่ดี

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2555 ของบจ.ในตลาดเอ็ม เอ ไอ ซึ่งเป็นบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อม หรือเอสเอ็มอี มีกำไรรวม 1.50 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากงวดเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้ 9 เดือนแรกยอดขายรวม 7.25 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิรวม 4.21 พันล้านบาท เพิ่ม 15% และ 21% โดยยังคงเติบโตทั้งยอดขายและกำไร และมีความสามารถในการรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น 20.28% ใกล้เคียงกับ งวดเดียวกันของปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะเผชิญ แรงกดดันจากต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้น

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยว่า จากกรณีที่กำไรบจ.งวด 9 เดือนปี 2555 เติบโตไม่ถึง 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนนั้น คาดว่าไม่น่าจะฉุดให้ผลประกอบการทั้งปีลดลงมาก โดยก่อนหน้านี้สมาคมคาดว่าปี 2555 กำไรบจ.มีอัตราเติบโตเฉลี่ย 20% จากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตามหากจะปรับลดลงก็เชื่อว่าไม่น่าลดลงมาก

ทั้งนี้เมื่อเทียบไตรมาส 4 ปีนี้กับไตรมาส 4 ปี 2554 คาดว่าไตรมาส 4 ปีนี้ บจ.จะมีกำไรสุทธิรวม 1.7 แสนล้านบาท ซึ่งเติบโตก้าวกระโดดจากช่วงเดียว กันปีก่อนที่ฐานรายได้และกำไรของบจ.ต่ำมาก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา นอกจาก นี้แม้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกไม่ดีและส่งผลต่อบริษัทส่งออก แต่จะเห็นได้ว่าบริษัทที่มีรายได้จากกำลังซื้อในประเทศกำไรยังเติบโตดี ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสื่อสาร ธนาคารพาณิชย์ บริษัทที่ทำธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์-เช่าซื้อจักรยานยนต์ อาหาร อสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ ดังนั้นคาดว่าธุรกิจเหล่านี้จะทำให้ภาพรวมกำไรบจ.ทั้งปีไม่ปรับลดลงมาก