เนื้อหาวันที่ : 2012-11-13 17:52:45 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1742 views

ธนาคารหวั่น SME อ่วมพิษยูโร ติดตามกลุ่มยาง-สิ่งทอใกล้ชิด

แบงก์หวั่นแรงเหวี่ยงวิกฤตยูโร คุมเข้มหนี้เอสเอ็มอี ส่งทีมประกบติดความเสี่ยง จับตากลุ่ม'ยาง-สิ่งทอ'เน้นให้คำปรึกษาทำธุรกิจระยะยาว ชี้แนวโน้มปีหน้าแข่งเดือดแย่งลูกค้าเกรดเอ

นายเวทย์ นุชเจริญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งยังเป็นความเสี่ยงที่น่ากังวล ทำให้ธนาคารเริ่มเข้มงวดในการวิเคราะห์สินเชื่อในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) มาประมาณ 3 เดือนแล้ว เนื่องจากมองปัญหาจากภายนอกที่ยังไม่ชัดเจน ทำให้ต้องระมัดระวังมากขึ้น แม้ว่าจะยังไม่เห็นผลกระทบที่รุนแรงก็ตาม

นายเวทย์กล่าวว่า ธนาคารได้มีการจัดกลุ่มลูกค้าตามความเสี่ยง โดยกลุ่มที่ธนาคารจับตาดูเป็นพิเศษอยู่ในกลุ่มไม้ยางพาราและสิ่งทอ ที่มองว่าอาจจะได้รับผลกระทบในการทำธุรกิจ อย่างไรก็ตามธนาคารได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เข้าพบลูกค้าในกลุ่มที่มีความเสี่ยงถี่ขึ้น จากปกติที่จะมีการเข้าพบลูกค้าในพื้นที่อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้งก็ต้องเพิ่มเป็นมากกว่า 1 ครั้งต่อเดือน

"การเข้าพบลูกค้าในพื้นที่ เพื่อเข้าไปดูความสามารถในการทำธุรกิจของลูกค้าว่าเป็นเช่นไร มีตัวเลขทางบัญชีเป็นอย่างไร กระแสเงินสดอยู่ในเกณฑ์ที่ดีหรือไม่ โดยการเข้าพบจะเน้นการให้คำปรึกษา เพื่อความสามารถในการทำธุรกิจระยะยาว เพราะสถานการณ์ภายนอกดูมีความผันผวนไปอีกเรื่อยๆ และธนาคารมีนโยบายคุมหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของเอสเอ็มอีไว้ที่ประมาณ 2% ขณะที่กลุ่มไมโครไฟแนนซ์ที่ธนาคารทำมาระยะหนึ่ง พบว่าเอ็นพีแอลยังต่ำกว่า 1% ของสินเชื่อ" นายเวทย์กล่าว

นายจิรัชยุติ์ อัมยงค์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การพิจารณาความเสี่ยงของลูกค้าในกลุ่มเอสเอ็มอี ธนาคารได้มีการจัดกลุ่มลูกค้าตามคุณภาพสินเชื่อ ตั้งแต่ เอ บี และ ซี ซึ่งการพิจารณาสินเชื่อจะดูจากคะแนนความเสี่ยงที่เป็นระบบวิเคราะห์ของธนาคาร อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังมีกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากจำนวนไม่มากและสามารถดูแลได้ ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 4  ปีนี้ ธนาคารอาจต้องเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น เนื่องจากจะมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกเข้ามามากขึ้น ทำให้ธนาคารต้องเพิ่มความถี่ในการเข้าหาลูกค้า เพื่อติดตามความสามารถในการทำธุรกิจเป็นระยะ

"ลูกค้าในกลุ่มเอสเอ็มอีขนาดกลาง อาจจะมีความเสี่ยงที่มาก กว่ารายเล็ก เพราะจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งการที่สถาบันการเงินเข้มงวดเรื่องความเสี่ยง จะไม่มีผลต่อการแข่งขันในปีหน้า แต่จะมุ่งเน้นไปในกลุ่มลูกค้าที่ดีมากขึ้น เพราะมีความเสี่ยงต่ำ ทำให้การแข่งขันในกลุ่มลูกค้าเกรดเอจะดุเดือดในปีหน้า" นาย จิรัชยุติ์กล่าว