เนื้อหาวันที่ : 2012-10-10 10:18:54 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 2736 views

ซีอีโอ เอสพีซีจี เผยยุทธศาสตร์สู่การเป็นผู้นำด้านโซล่าฟาร์ม

เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ไม่มีใครเชื่อว่าตนจะสามารถพัฒนาธุรกิจโซล่าฟาร์ม หรือการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขึ้นมาได้

นางสาววันดี กุญชรยาคง ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) ร่วมเสวนาในหัวข้อ “พลังงานทดแทน การประหยัดพลังงาน และการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ในงาน“Clean Energy Expo Asia 2012” ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้า และเทคโนโลยีพลังงานสะอาดในภาคอุตสาหกรรมครั้งแรกในประเทศไทย

และจะเป็นเวทีสำหรับธุรกิจพลังงานสะอาด ในทวีปเอเชีย โดยจะมีการประชุมชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่จะนำผู้เกี่ยวข้องชั้นแนวหน้าจากภาครัฐ และเอกชน เทคโนโลยี บริการ และการเงินมารวมตัวกัน เพื่อจัดการกับประเด็นสำคัญเรื่องพลังงานทดแทน การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-14 กันยายน 2555 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์

 
คุณวันดีกล่าวในงานว่า เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ไม่มีใครเชื่อว่าตนจะสามารถพัฒนาธุรกิจโซล่าฟาร์ม หรือการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขึ้นมาได้ ซึ่งในตอนนั้นเดินเข้าไปหาใครเพื่อชวนให้มาทำธุรกิจก็ไม่มีใครมาร่วมด้วย เป็นโอกาสอันดีที่ในขณะนั้น รัฐบาลได้ประกาศนโยบายให้การสนับสนุนอัตราส่วนเพิ่ม (adder) ของไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและพลังงานทดแทน 8 บาท ในระยะเวลา 10 ปี

โดยมีข้อกำหนดว่าจะต้องเป็นพลังงานทดแทนที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ไม่มีปัญหาเรื่องการต่อต้านจากชุมชน ตนเองมีความมุ่งมั่นที่จะเห็นโครงการโซล่าฟาร์มเชิงพาณิชย์เกิดขึ้นให้ได้ในประเทศไทย จึงตัดสินใจลงมือทำ และได้ทำการยื่นขอ Application ที่จะขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เป็นรายแรก หลังจากนั้นก็ได้เริ่มทะยอยพัฒนาโครงการโซล่าฟาร์มไปเรื่อยๆจากโครงการทั้งหมด 34 โครงการ โดยเลือกพื้นที่ตั้งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากเป็นที่ราบสูง ไม่มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วม และมีความเข้มของแสงแดดที่ดีมีประสิทธิภาพ เหมาะแก่การผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์

องค์ประกอบสำคัญอีกส่วนในการดำเนินธุรกิจด้านการใช้พลังงานแสงอาทิตย์มาผลิตเป็นกระแสไฟฟ้านี้ ประสพความสำเร็จได้เพราะได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรเช่น International Finance Corporation (IFC) สมาชิกของ World Bank Group, มูลนิธิพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อมซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองทุนกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน และ บริษัท ไทยฟ้า เพาเวอร์ จำกัด

รวมทั้งได้รับการสนับสนุนเงินกู้โครงการ (Project Financing) จากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) จนทำให้ SPCG สามารถพัฒนาโครงการโซล่าฟาร์ม (โคราช 1) ขนาด 6.123 เมกกะวัตต์ ได้สำเร็จเป็นโครงการแรก ในปัจจุบัน SPCG สามารถพัฒนาโครงการและจำหน่ายไฟฟ้าได้แล้ว จำนวน 9 โครงการ อยู่ระหว่างการดำเนินการอีกจำนวน 7 โครงการ ซึ่งพร้อมกำหนดจ่ายไฟภายในปี 2555 นี้ สำหรับโครงการส่วนที่เหลือมีแผนพัฒนาให้แล้วเสร็จ สมบูรณ์ภายในปี 2556

คุณวันดีกล่าวว่า รู้สึกดีใจที่วันนี้ SPCG กลายเป็นผู้นำด้านการพัฒนาโครงการโซล่าฟาร์ม โครงการผลิตฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เชิงพาณิชย์แห่งแรกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจจริงพร้อมความร่วมมือที่ดีจากกลุ่มพันธมิตร ทำให้สามารถปลุกปั้นธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งเป็นพลังงานที่สะอาดปราศจากมลภาวะ จากธุรกิจติดลบเป็นธุรกิจติดดาว สร้างมูลค่าการลงทุนกว่า 3 แสนล้าน ช่วยสร้างงานในชนบทกว่า 2 แสนคน และ สร้างมั่นคงยั่งยืนในด้านพลังงานให้กับประเทศชาติสืบต่อไป