เนื้อหาวันที่ : 2012-10-09 16:26:42 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1652 views

EARTH วางเป้ามีถ่านหินสำรอง 200 ล้านตัน ดันรายได้แตะ 3 หมื่นล้าน

EARTH เปิด Mission 5 ปี 5 เหมือง 5 ประเทศ วางเป้ามีถ่านหินสำรอง 200 ล้านตัน-ดันรายได้แตะ 3 หมื่นล. ภายใน 5 ปี

บมจ.เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) ไม่เคยหยุดในการที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ ล่าสุดเปิด Mission 5 ปี 5 เหมือง 5 ประเทศ มีเป้าหมายใน 5 ปี ลุยซื้อและขุดเหมืองที่มีปริมาณสำรองถ่านหิน 40 ล้านตัน/เหมือง จำนวน 5 เหมือง พร้อมขยายตลาดขายปลีกกลุ่มอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มฐานลูกค้า 5 ประเทศจาก ไทย จีน อินโดนีเซีย อินเดีย และกัมพูชา

ซึ่งปัจจุบันบริษัท คือ 1 ในผู้นำของตลาดขายปลีกในประเทศไทย หวังมีปริมาณสำรองถ่านหินแตะ 200 ล้านตันภายใน 5 ปี สามารถรองรับความต้องการลูกค้าได้นานถึง 10 ปี “ขจรพงศ์ คำดี” ระบุ EARTH มีศักยภาพพร้อมลุยเต็มที่ ผนวกกับธุรกิจขยายตัวครบสูตรตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ วางเป้าภายใน 5 ปี ได้เห็นรายได้โตแตะ 30,000 ล้านบาท

นายขจรพงศ์ คำดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้เตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินธุรกิจตามแผน 5 ปีข้างหน้า โดยตั้งเป้ามียอดขายถ่านหินอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านบาท/ปี ที่มาจากเหมืองของ EARTH เอง เพื่อเพิ่มศักยภาพของธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ด้วยการทยอยซื้อเหมืองแห่งใหม่เพิ่มรวมจำนวน 5 แห่ง

 เน้นเหมืองขนาดที่มีปริมาณสำรองถ่านหินประมาณ 40 ล้านตัน/เหมือง และแต่ละเหมืองจะมีกำลังการผลิตที่สามารถขุดได้ประมาณ 4 ล้านตัน/ ปี ซึ่งจะส่งผลทำให้ใน 5 ปีต่อจากนี้ EARTH จะมีปริมาณสำรองถ่านหินรวมทั้งสิ้นประมาณ 200 ล้านตัน และมีแหล่งถ่านหินสำรอง (Reserve) ที่จะรองรับความต้องการของลูกค้าได้นานถึง 10 ปี

สำหรับเงินลงทุนที่จะใช้ในการซื้อเหมือง เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท/เหมือง โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และร่วมลงทุนกับลูกค้า ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนสินค้าต่อกันโดยไม่ต้องใช้เงิน (บาร์เตอร์เทรด) ทำให้บริษัทไม่ต้องใช้กระแสเงินสดในการซื้ออุปกรณ์

ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เจรจาในหลักการกับลูกค้าโรงไฟฟ้าประเทศจีนไว้แล้ว หรือวิธีอื่นตามคำแนะนำของที่ปรึกษาทางการเงิน ทั้งนี้บริษัทได้แต่งตั้งให้ บริษัท เคพีเอ็มจี ภูมิไชย ที่ปรึกษาธุรกิจ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินในการหาแหล่งเงินทุนทั้งหมด

“การซื้อเหมืองต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง ดังนั้นเราจึงวางแผนซื้อเหมืองปีละ 1 เหมือง ในเบื้องต้นคาดว่าน่าจะได้เห็นเหมืองแห่งที่ 3 ตามแผนที่กำหนดไว้ โดยขณะนี้ได้ส่งทีมงานเข้าไปทำการสำรวจและมีความคืบหน้าไปมากแล้ว”

เขากล่าวต่อถึงส่วนของปลายน้ำ จากเดิมที่จำหน่ายถ่านหินในลักษณะขายส่ง (Wholesale) ต่อไปจะเพิ่มสัดส่วนการขายปลีก (Retail) ในกลุ่มอุตสาหกรรมทั่วไปให้มากขึ้น ทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีฐานลูกค้าที่หลากหลาย ถือเป็นการบริหารและกระจายความเสี่ยงจากการดำเนินธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น และเป็นการเพิ่มมูลค่าให้แก่ถ่านหินที่ออกจากเหมืองของ EARTH เอง ซึ่งคาดว่าจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit) ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 30-40% จากปัจจุบันอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 20-25%

“ปัจจุบันบริษัทมีศักยภาพในการบริหารต้นทุนได้เป็นอย่างดี อันเนื่องมาจากเรามีเหมืองเป็นของตัวเองและเป็นการผลิตสำเร็จรูปจากเหมืองของเราเอง ซึ่งสามารถขนส่งตรงมายังท่าเรือและออกจากท่าเรือตรงไปยังลูกค้า จึงทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งเข้าโรงงาน

 มีผลให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าเข้าโรงงานและไม่มีต้นทุนการผลิตที่ซ้ำซ้อน ไม่มีฝุ่นเกิดขึ้นจากการผลิต ซึ่งจะทำให้ขายไม่ได้ราคา และไม่ต้องมีสต๊อกสินค้าในจำนวนที่มาก EARTH ไม่ได้หยุดแต่เพียงเท่านี้ เรามีแผนเจาะกลุ่มลูกค้าไปยังประเทศจีน อินโดนีเซีย อินเดีย และกัมพูชา ให้ครบ 5 ประเทศภายในระยะเวลา 5 ปี จึงทำให้เพิ่มมูลค่าถ่านหินได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเชื่อว่าจะส่งผลดีกับบริษัทอย่างต่อเนื่องในระยะยาว และนับจากนี้การดำเนินธุรกิจของ EARTH จะมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น” นายขจรพงศ์ กล่าวในที่สุด