เนื้อหาวันที่ : 2012-10-08 09:45:37 จำนวนผู้เข้าชมแล้ว : 1549 views

304 อินดัสเตรียล ปาร์ค ปราจีนบุรี เดินหน้าขยายโครงการเพิ่ม 5,800 ไร่

304 อินดัสเตรียล ปาร์ค ปราจีนบุรี จับมือดั๊บเบิ้ล เอ และโรงไฟฟ้าเอ็นพีเอส ย้ำชัดน้ำไม่ท่วม เดินหน้าขยายโครงการเพิ่ม 5,800 ไร่

สวนอุตสาหกรรม 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค จังหวัดปราจีนบุรี ย้ำพื้นที่โครงการทุกตารางเมตรและเส้นทางคมนาคมสู่ท่าเรือและสนามบิน น้ำไม่ท่วม เชื่อไม่กระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน

ล่าสุดได้ลงนามกับ HISADA จากญี่ปุ่นในการตั้งโรงงานผลิตชิ้นส่วน ยานยนต์ พร้อมเดินหน้าพัฒนาพื้นที่โครงการขยายอีกกว่า 5,800 ไร่ ขณะที่เอ็นพีเอสเตรียมสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มรองรับการขยายตัวของโรงงานในพื้นที่ ด้านโรงงานผลิตกระดาษแห่งที่ 3ของดั๊บเบิ้ล เอ ไม่ได้รับผลกระทบ ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเดินเครื่อง ต.ค.นี้

นายพูลศักดิ์ สุตัณฑวิบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด เปิดเผยว่า “พื้นที่สวนอุตสาหกรรม 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค จังหวัดปราจีนบุรี ไม่ประสบปัญหาน้ำท่วมแต่อย่างใด โรงงานทุกแห่งที่ตั้งอยู่ภายในสวนอุตสาหกรรมรวมกว่า 100 แห่ง อาทิ CANON, TOSHIBA SEMICONDUCTOR, MUSASHI AUTO PARTS, HITACHI GLOBAL STORAGE TECHNOLOGIES (Thailand), DOUBLE A, NPS และ BERLI JUCKER CELLOX สามารถดำเนินการผลิตได้ตามปกติ

รวมทั้งเส้นทางคมนาคมขนส่งสู่กรุงเทพฯ ท่าเรือ หรือสนามบิน ก็ไม่ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ทั้งนี้เนื่องจากพื้นที่ตั้งโครงการฯ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ย 20 เมตร และอยู่ห่างจากแม่น้ำปราจีนบุรีราว 8 กิโลเมตร จึงเป็นพื้นที่ที่ไม่เคยประสบปัญหาน้ำท่วม ทั้งนี้หากเปรียบเทียบความสูงกับพื้นที่ที่ประสบภัย

ในขณะนี้ทั้งที่กบินทร์บุรี ท่าตูม และศรีมหาโพธิ พื้นที่โครงการฯ ก็ยังอยู่สูงกว่าพื้นที่ดังกล่าว ประมาณ 10 เมตร และมีระยะห่างจากพื้นที่ดังกล่าวมาก โดยล่าสุดเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค ได้ลงนามซื้อขายที่ดินกับ HISADA Co., Ltd. บริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศญี่ปุ่นอีกจำนวน 47 ไร่ ซึ่งเลือกลงทุนใน 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค ปราจีนบุรี เพราะอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับโรงงานคู่ค้า และที่สำคัญมั่นใจว่าปลอดภัยจากปัญหาน้ำท่วม”

ในขณะที่นายอภิชัย ซอปิติพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเนชั่นแนลเพาเวอร์ ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือเอ็นพีเอส กล่าวเสริมว่า “ปัจจุบันเอ็นพีเอสมีโรงไฟฟ้าตั้งอยู่ในพื้นที่ 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค จำนวนทั้งหมด 5 โรง มีกำลังการผลิตรวม 436 เมกะวัตต์ ซึ่งส่งจำหน่ายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) และโรงงานอุตสาหกรรมใน 304ฯ

โดยตลอดระยะเวลากว่า 15 ปีที่ผ่านมาไม่เคยประสบปัญหาน้ำท่วมแต่อย่างใด ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลเพิ่มอีก 2 โรง กำลังการผลิตรวม 223 เมกะวัตต์ เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าของโรงงานอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่”

“ในส่วนของดั๊บเบิ้ล เอ เราได้ลงทุนสร้างโรงงานผลิตกระดาษแห่งที่ 3 ขึ้นที่สวนอุตสาหกรรม304 อินดัสเตรียล ปาร์ค เพราะมั่นใจว่าเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยจากน้ำท่วมแน่นอน โดยที่ผ่านมาก็สามารถดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรได้แล้วสร็จตามกำหนด และคาดว่าจะสามารถเดินเครื่องจักรผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ไม่เกินปลาย ต.ค.นี้ เพื่อขยายกำลังการผลิตกระดาษให้เพิ่มขึ้นเป็น 820,000 ตันต่อปี จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 599,000 ตันต่อปี” นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) กล่าว

“นับตั้งแต่เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปลายปีที่แล้ว ทำให้สวนอุตสาหกรรม 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนักลงทุนที่ต้องการขยายโรงงานและโรงงานที่ต้องการย้ายฐานจากพื้นที่เดิม จึงทำให้ปีนี้เราคาดว่าจะสามารถปิดยอดขายรวม 1,000 ไร่ ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

นอกจากนี้ ยังได้ขยายและพัฒนาพื้นที่โครงการเพิ่มอีกกว่า 5,800 ไร่ ด้วยตำแหน่งที่ตั้งที่นอกจากจะปลอดภัยจากปัญหาน้ำท่วมแล้ว 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค ยังอยู่ในทำเลที่เป็นจุด “ศูนย์กลาง” ของการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างโรงงานประกอบรถยนต์และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ขนาดใหญ่ในภาคกลางและภาคตะวันออก รวมถึงอยู่ใกล้แหล่งแรงงาน ที่สำคัญมีความพร้อมด้านสาธารณูปโภคที่พร้อมรองรับการลงทุนได้ทันทีและได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการตั้งอยู่ในเขตส่งเสริมการลงทุนบีโอไอ โซน 3” นายพูลศักดิ์ กล่าวปิดท้าย

อนึ่ง 304 อินดัสเตรียล ปาร์ค เป็นผู้พัฒนาสวนอุตสาหกรรมในจังหวัดปราจีนบุรี มีพื้นที่โครงการรวมกว่า 14,000 ไร่ อยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิเพียง 110 กิโลเมตร และอยู่ใกล้ท่าเรือแหลมฉบังเพียง 130 กิโลเมตร พื้นที่โครงการมีโครงสร้างพื้นดินที่แข็งและหนาแน่นสามารถรองรับน้ำหนักอาคารและเครื่องจักรขนาดใหญ่ได้ ถึง 2.5 ตันต่อตารางเมตร ทำให้ลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการสร้างรากฐานโรงงานได้ถึง 20% และไม่มีปัญหาน้ำท่วม เหมาะกับการลงทุนพัฒนาโครงการอย่างยั่งยืน